191จับรถตู้สายใต้ทะเลาะกัน สาวชักปืนตบหัว ตรวจฉี่2โชเฟอร์ สีม่วง

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 30 มีนาคม ที่กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (บก.สปพ.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบก.สปพ. พ.ต.อ.สำราญ นวลมา ผกก.สายตรวจ และพ.ต.ต.ปียรัช เวสสะโกศล สว.งานสายตรวจ 3 พร้อมเจ้าหน้าที่ร่วมกันแถลงจับกุม น.ส.วันทนี หรือ มด แซ่ลิ้ม อายุ 33 ปี นายกฤษดิส หรือ ลอ ดิษฐกุล อายุ 38 ปี นายฐานพัฒน์ หรือ ป๊อป ศรีเจริญ อายุ 26 ปี และนายบรรยงค์ หรือ เล็ก โพธิ์ทอง อายุ 43 ปี พร้อมอาวุธปืนขนาด .38 กระสุนปืน 3 นัด ยาไอซ์ .45 กรัม และอุปกรณ์เสพยา

พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า จากเหตุทะเลาะวิวาทในสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (สายใต้) เมื่อช่วงเช้า โดย น.ส.สุจินดา จันทร์เภา อายุ 29 ปี คนขับรถตู้สาธารณะ ถูก น.ส.วันทนีใช้อาวุธปืนตบศีรษะได้รับบาดเจ็บ จากเหตุทะเลาะวิวาทการขับรถของวินรถตู้ 88 วิ่งระหว่างกรุงเทพฯ-สุพรรณบุรี มีทั้งหมด 75 คัน หลังเกิดเหตุ น.ส.สุจินดา โทรศัพท์แจ้ง 191 ทางเจ้าหน้าที่สายตรวจจึงรีบมาถึงที่เกิดเหตุภายใน 3 นาที และได้วิทยุสกัดจับพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ตลิ่งชัน เจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับรถตู้ 2 คันร่วมก่อเหตุ ก่อนคุมตัวมาสอบปากคำ จากการตรวจสอบพบนายกฤษดิส และนายบรรยงค์ คนขับ มีปัสสาวะเป็นสีม่วง ให้การรับสารภาพว่าเสพยาเสพติด

น.ส.สุจินดากล่าวว่า ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาได้อย่างรวดเร็วสาเหตุทะเลาะวิวาทจากการที่ตนขับรถตู้เข้าวินก่อนรถตู้คันอื่น ทำให้ น.ส.วันทนี ส่งข้อความทางไลน์ตำหนิตน ก่อนเกิดทะเลาะวิวาทกัน โดย น.ส.วันทนี ชักปืนมาจะยิง แต่กระสุนขัดลำกล้อง ตนรีบถีบ น.ส.วันทวี จึงถูกปืนตบศีรษะ

ขณะที่ น.ส.วันทนีกล่าวว่า ไม่ขอพูดใดๆ ทั้งสิ้น ยืนยันว่าไม่รู้จัก น.ส.สุจินดา

ด้าน พล.ต.ต.ภาณุรัตน์กล่าวว่า ช่วงก่อนสงกรานต์เจ้าหน้าที่สายตรวจจะระดมตรวจสอบรถตู้สาธารณะ ขอเตือนว่าหากมีการเสพยาระหว่างปฏิบัติหน้าที่จะถูกดำเนินคดีอย่างหนัก ทั้งนี้เจ้าหน้าที่สายตรวจมีการปฏิบัติการซ้อมเข้าสกัดจับเป็นอย่างดี และยืนยันว่าการโทรศัพท์ไปที่หมายเลข 191 จะมีเจ้าหน้าที่รับตลอดเวลา และพร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที

ADVERTISMENT

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา น.ส.วันทนี ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครอง พกพาอาวุธปืนไปในเมือง ขณะที่นายกฤษดิสโดนแจ้งข้อหาเหมือน น.ส.วันทนี แต่เพิ่มข้อหามียาไอซ์ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และเป็นผู้ขับขี่เสพยาไอซ์โดยผิดกฎหมาย ขณะที่นายฐานพัฒน์แจ้งข้อหาเป็นผู้ขับขี่เสพยาไอซ์ และนายบรรยงค์ ถูกแจ้งข้อหา เสพยาไอซ์ โดยผิดกฎหมาย