‘ศรีวราห์’ ยันสำนวนเปรมชัยไม่อ่อน แจงปมสั่งไม่ฟ้อง ภ.7ทบทวนเห็นแย้งหรือไม่!

เมื่อวันที่ 4 เมษายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีอัยการภาค 7 มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัทอิตาเลียนไทย ดิเวลล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน) ใน 3 ข้อหา จาก 9 ข้อหาที่พนักงานสอบสวนส่งสำนวนฟ้องไป ว่า ในคดีนี้พนักงานสอบสวนไม่ฟ้อง 1 ข้อหา ตั้งแต่แรก ในข้อหาเกี่ยวกับครอบครองอาวุธปืน เนื่องจากปืนมีทะเบียนชื่อนายเปรมชัย ส่วนอีก 2ข้อหาที่อัยการสั่งไม่ฟ้องเกี่ยวกับการเข้าป่าล่าสัตว์ และนำอาวุธปืนเครื่องมือล่าสัตว์เข้าไป ทั้ง2 ประเด็นพนักงานสอบสวนทำสำนวนรัดกุมตามพยานหลักฐาน แต่มองว่าเป็นไปได้ว่าทางอัยการมองว่าไม่มีเจตนา เนื่องจากการเข้าไปในป่าผ่านการอนุญาตโดยเจ้าหน้าที่อุทยานฯ และในการทำสำนวนคดีนายเปรมชัยนั้น หลังส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ พนักงานอัยการสั่งให้พนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี สอบสวนเพิ่มเติม ถึง 2 ครั้ง ใน 3 ประเด็น คือการแจ้งค่าเสียหาย ผลการพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ และการแจ้งพฤติการณ์แห่งคดีให้ผู้ต้องหาทราบ  โดยไม่ได้สั่งให้สอบสวนเพิ่มในประเด็นที่เกี่ยวกับข้อหาที่สั่งไม่ฟ้องแต่อย่างใด ประเด็นที่สั่งไม่ฟ้อง อัยการไม่เคยให้สอบเพิ่ม

“การที่ตำรวจส่งสำนวนให้อัยการและสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมถึง 2 รอบ แสดงว่าสำนวนนี้ไปสุดแล้ว ผ่านการกลั่นกรองกันแล้ว ยืนยันว่าสำนวนไม่ได้อ่อน ตำรวจทำอย่างรัดกุมและมีการกลั่นกรองแล้วโดยอัยการ ดูแล้วไม่ได้สั่งสอบเพิ่มในประเด็นเหล่านี้ที่สั่งไม่ฟ้องเลย ถือว่าโอแล้ว อัยการสั่งไม่ฟ้องเรื่องการเอาอาวุธเข้าไป ซึ่งเป็นเรื่องของกรมอุทยานฯ ในการให้อำนาจอนุญาต อย่างไรก็ตามเมื่อได้รับรายงานของอัยการ ทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 โดยพล.ต.ท.กิตติพงษ์ เงามุข ผบช.ภ.7 ต้องพิจารณาทบทวนว่าจะมีความเห็นแย้งหรือพ้อง ตามอัยการ”รองผบ.ตร.กล่าว

ต่อมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ว่า พนักงานอัยการสั่งฟ้อง 6 ข้อหา และไม่ฟ้อง5 ข้อหา คือ 1.ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต 2.ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 3.ร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์หรืออาวุธใดใดเข้าไปในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 4.ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 5.ร่วมกันกระทำการทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันควร

รองผบ.ตร. กล่าวว่า ถ้าความเห็นของอัยการส่งมาถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างเป็นทางการ พนักงานสอบสวนก็คงจะยืนยันความเห็นเดิมทุกข้อหา คือมีความเห็นแย้ง ยกเว้นข้อหาเดิมที่พนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้องคือมีอาวุธปืนและข้อหาทารุณกรรมสัตว์ และจะหยิบยกข้อมูลเดิมชี้แจง เช่น ข้อหาร่วมพยายามล่าสัตว์ฯบางรายอัยการก็ฟ้อง บางรายก็ไม่ฟ้อง เช่นฟ้องนายธานี ทุมมาส แต่ไม่ฟ้องคนอื่น ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ระบุในสำนวนไปแล้วว่ามีการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยประเด็นที่ไม่สั่งไม่ฟ้อง ก่อนหน้านี้อัยการไม่ได้มีคำสั่งสอบเพิ่ม สันนิษฐานได้ว่าพนักงานสอบสวนได้ทำสำนวนสมบูรณ์แล้ว หลังจากนี้จะทำความเห็นแย้งเสนอไปที่อัยการสูงสุด(อสส.) ส่วนอัยการสูงสุดมีความเห็นอย่างไรคงไม่สามารถตอบได้ ที่ผ่านมาเคยมีทั้งเห็นแย้งและยืนตามความเห็นอัยการ มีทั้งสองแบบ แต่ตำรวจก็มั่นใจในพยานหลักฐาน

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ส่วนข้อหาล่าสัตว์ป่าฯที่เป็นประชาชนแสดงความเป็นห่วง อัยการก็ได้สั่งฟ้องในข้อหานี้ การไม่ฟ้องบางข้อหาเป็นเรื่องปกติ ส่วนก่อนหน้านี้ที่ยืนยันว่าอัยการจะสั่งฟ้องทุกข้อ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้สั่งฟ้องทุกข้อหา เรื่องนี้ไม่ได้เป็นการเสียหน้า เป็นเรื่องปกติในเรื่องความเห็นที่จะสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้อง ส่วนอัตราโทษล่าสัตว์ป่าฯ มีโทษจำคุก5ปี ปรับ5 หมื่น เป็นโทษสูงสุด ส่วนใหญ่ก็จะพิจาณาจากบทหนัก คือกรณีจำคุก5ปี ปรับ5 หมื่นบาท แต่ทั้งนี้ทั้งนี้ก็แล้วแต่ศาลจะเป็นผู้พิจารณา

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image