เมื่อวันที่ 20 เมษายน ที่ศูนย์บังคับคดีล้มละลายส่วนหน้าที่ศูนย์ราชการชั้น 1 นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี แถลงผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ2561 (ม.ค-มี.ค61) ว่า ผลการทำงานเป็นที่น่าพอใจ โดยสามารถผลักดันการทำงานภารกิจสำคัญขยายตัวได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งการขายทอดตลาด ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชั้นบังคับคดี โดยการขายทอดทรัพย์สินได้สูงกว่าเป้าหมาย รวมมูลค่า 35,275 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ร้อยละ11.11 ซึ่งคาดว่าผลการทำงานตลอดทั้งปีงบประมาณ61นี้ จะขายทอดตลาดทรัพย์สินได้สูงที่สุดในรอบ8ปี หรือมูลค่ากว่า 110,000 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลจากการออกไปจัดมหกรรมขายทอดตลาดนอกสถานที่ ตามหัวเมืองและเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่มีผลให้ให้ยอดการผลักดันทรัพย์สินเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และขายได้ในราคาสูงกว่าราคาประเมินด้วย ซึ่งครึ่งปีหลังนี้ก็จะเดินหน้าลงพื้นที่จัดขายทอดตลาดทรัพย์สินที่รอการขายทอดตลาดอีก รวม 130,989 รายการ รวมราคาประเมิน 241,644 ล้านบาท
นางสาวรื่นวดี กล่าวต่อว่า ทั้งนี้เช่นเดียวกับการดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชั้นบังคับคดี ที่สามารถไกล่เกลี่ยได้สำเร็จ 6,954 เรื่อง จำนวนทุนทรัพย์มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ13.83 โดยเฉพาะการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดีลูกหนี้กองทุนเงินใก้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ซึ่งมีลูกหนี้กว่า 1.2ล้านคน ขณะนี้เข้าสู่กระบวนการบังคับคดีแล้ว 2 แสนราย ซึ่งจะเร่งดำเนินการให้สำเร็จตามเป้าหมาย โดยจะตระเวนจัดมหกรรมไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในพื้นที่จังหวัดที่มีลูกหนี้จำนวนมาก ตามแบบกาฬสินธุ์โมเดล เพื่อความสะดวกของลูกหนี้หลังจากพบว่าปัญหาของลูกหนี้กยศ.บางส่วนไม่สามารถชำระหนี้ได้ เนื่องจาก ไม่มีเงิน ไม่มีงานทำ เจ็บป่วย หรือย้ายถิ่นฐาน
นางสาวรื่นวดี ยังกล่าวว่า กรมบังคับคดีได้มีการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนานาชาติ เพื่อศึกษาวิจัยเกี่ยวกับทรัพย์ดิจิตัล และหามาตรการทางกฎหมายในการบังคับใช้กับทรัพย์สินเหล่านี้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะมีการหารือเรื่องนี้ในการประชุมคองเกรสนานาชาติของสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศครั้งที่23 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่1-4 พฤษภาคมนี้ด้วย
