เมื่อวันที่ 27 เมษายน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว(รองผบช.ทท.) พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รองผบก.สปพ. พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รองผบก.ทท.2 บช.ทท. ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ร่วมกันจับกุม นาย เฉิน เปี้ยน หลี่ นายซู เหวิน เฉียง นายหวัง ชุน ชิ และ นายหวัง รุน เชง ชาวไต้หวัน ได้ที่ห้องพัก หมายเลข 611 613 และ 513 โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านถนนรัชดา ซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 5 แขวง-เขตห้วยขวาง กทม.พร้อมหนังสือเดินทาง และเอกสารจำนวนหนึ่ง
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่าจากการตรวจสอบพบว่านายเฉิน เปี้ยน หลี่ ชาวไต้หวันเป็นตัวการสำคัญในการบงการ ตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในภูมิภาคเอเชีย และเป็นที่ต้องการของตำรวจไต้หวัน โดยคนร้ายแก๊งนี้ เคยโทรศัพท์หลอกลวงเงินจากอดีตพยาบาล โรงพยาบาลตำรวจ เป็นเงิน 1,500,000 บาท ในพื้นที่ สน.บางเขน มาแล้ว โดยการจับกุมครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากหน่วย MJIB ตำรวจไต้หวัน และ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อมูลและสืบสวนหาข่าว จนทราบตัวผู้ต้องหาระดับหัวหน้าใหญ่ของเครือข่าย ลักลอบเข้ามาภายในประเทศไทย เพื่อวางแผนและรวบรวมคนตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพิ่มเติม จึงเข้าจับกุมตัวได้ทั้งหมด
รองผบช.ทท.กล่าวอีกว่า การจับกุมนายเฉิน เปี้ยน หลี่ ถือว่าเป็นการปิดคดีคอลเซ็นเตอร์ ก็ว่าได้ เพราะเป็นตัวการใหญ่ที่สุดแล้ว การเข้ามาในประเทศไทยครั้งนี้ก็เพื่อมาหาสมาชิกเพิ่มเติมเพื่อไปตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่ตำรวจก็จับตัวให้ได้ก่อน
ทั้งนี้มีรายงานนายเฉิน เปี้ยน หลี่ นั้นเป็นบุคคลที่ตำรวจไต้หวันติดตามตัวมาตลอด และแจ้งตำรวจไทยว่าเป็นตัวการใหญ่อยู่เบื้องหลังคอลเซ็นเตอร์ลวงโอนเงินที่ตั้งฐานในประเทศต่างๆ อาทิ กัมพูชา จีน สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ที่ตำรวจไทยบุกทลายจับกุม กระทั่ง 2 วันที่ผ่านมา พบข้อมูลว่านายเฉิน เปี้ยน หลี่ เดินทางเข้ามาในไทยและติดต่อกับขบวนการจัดหาคน ที่กำลังหาคนไทยไปทำฐานคอลเซ็นเตอร์ที่พม่า ตำรวจไทยจึงทำการเพิกถอนวีซ่า และขออนุมัติหมายจับกุมในฐานที่เกี่ยวกับการก่ออาชญากรรมข้ามชาติ และร่วมกับตำรวจไต้หวันจับกุมได้ในที่สุด ทั้งนี้เจ้าหน้าที่วิเคราะห์ว่า เหตุที่นายเฉิน เปี้ยน หลี่ ต้องออกมาปฏิบัติการเอง ทั้งที่หลบซ่อนอยู่เบื้องหลังมาตลอด เนื่องจากลูกน้องถูกตำรวจไทยจับกุมได้จำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา
