โฆษกตร.พร้อมฟังผู้ใช้จยย.ค้าน ‘ห้ามขึ้นสะพาน ลอดอุโมงค์’ บอกอย่าม็อบกดดัน ผิดพ.ร.บ.ชุมนุมฯ

เมื่อวันที่ 4 เมษายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษกตร.กล่าวถึงกรณีกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์เตรียมรวมตัวประท้วงกรณี ห้ามรถจักรยานยนต์ขึ้นสะพานต่างระดับและลอดอุโมงค์ ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมรับฟังและพิจารณาข้อเสนอแนะของประชาชน แต่อยากให้ยื่นหนังสือมาตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ไม่ควรรวมกลุ่มกันมาเพื่อกดดันเจ้าหน้าที่ เพราะอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะได้

ด้าน พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผบช.น. รับผิดชอบงานด้านจราจร กล่าวว่า การออกข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจรในเรื่องของการห้ามรถจักรยานยนต์ รถจักรยาน และรถสามล้อเครื่อง และรถลากเข็นขึ้นสะพานต่างระดับและอุโมงค์ทางลอดนั้น กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้รับนโยบาย ให้ดำเนินการมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2558 ให้กวดขันจับกุมรถจักรยานยนต์ที่ขึ้นบนสะพานจึงมีการตรวจสอบพบว่าสะพานและอุโมงค์ในกรุงเทพมหานครนั้นมีเพียง 1 จุดเท่านั้นที่มีข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจร จึงมีการประชุมร่วมกันของคณะกรรมการศึกษาแก้ไขปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานครฯและปริมณฑล ได้ผลสรุปว่าการขึ้นสะพานและลอดอุโมงค์ของจักรยานยนต์นั้นมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุสูง จึงดำเนินการตามกฎหมายมาตรา 139 แห่งพ.ร.บ.จราจร เพื่อลดปัญหาการจราจรที่ติดขัด และลดอุบัติเหตุการจราจร จากนั้นจึงเสนอห้ามจุดที่จักรยานยนต์ห้ามใช้ 52 จุด ต่อที่ประชุมแต่เจ้าพนักงานพิจารณาว่าจุดใดที่ไม่มีเส้นทางอื่นรองรับก็จะไม่อนุมัติในที่ประชุม จึงเหลือ 39 สะพานที่ห้าม ส่วนทางลอดมีการเสนอเข้ามา 11 สะพาน มีแต่ที่ประชุมรับรองเพียง 5-6 จุด ที่สั่งห้าม เพื่อลดความเดือดร้อนของผู้ใช้จักรยานยนต์ รวมถึงสะพานภูมิพลที่แท้จริงแล้วส่วนหนึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง และติดป้ายระบุชัดเจนว่า ห้ามรถจักรยานยนต์และรถจักรยาน ขึ้นสะพานอย่างเด็ดขาด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถดำเนินการจับกุมได้อยู่แล้ว แต่การออกข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจรในจุดดังกล่าวก็เพื่อให้การทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม การออกข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจรเป็นเพียงข้อบังคับชั่วคราวเพื่อประเมินผลที่เกิดขึ้นภายใน 90 วัน หากประชาชนที่ขับขี่จักรยานยนต์ที่คิดว่าตนเองได้รับความเดือดร้อนจากการห้ามใช้สะพานหรือทางลอดใดก็สามารถส่งหนังสือแจ้งรายละเอียด หรือสามารถเข้ามาพูดคุยกับตนได้ตลอดระยะเวลา 90 วันนี้ เพื่อให้เกิดการปรับปรุงและประโยชน์สูงสุดแก่บ้านเมือง เพราะขณะนี้ทางองค์การอนามัยโลก ได้ประกาศให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีถนนที่อันตรายที่สุดอันดับ 2 ของโลก จึงเป็นโจทย์ใหญ่ที่เจ้าหน้าที่รวมถึงประชาชนทุกคนต้องช่วยกันแก่ไขปัญหาดังกล่าวให้ดีขึ้น