สันธนะสู้ยิบตา! จ่อเช็กบิล3นายพลดัง จวกคนออกหมายเรียกพ่ออายุ91ลูกไม่มีพ่อหรือเปล่า!   

“สันธนะ” สู้ยิบตา! เตรียมเช็กบิล 3 นายพลดัง จวกคนออกหมายเรียกพ่ออายุ 91 เป็นลูกไม่มีพ่อหรือเปล่า!   

กรณีการจับกุม “รองต่อ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์” พัวพันเป็นที่ปรึกษาตลาดใหม่ดอนเมือง หลังจากที่ตร.บุกตรวจและจับกุมสินค้าเครือ “เมจิกสกิน” ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ล่าสุดได้รับการประกันตัวออกมาแล้ว กลับมาคราวนี้ ประกาศลั่นจะเช็กบิล 3 นายพลดัง รายการโหนกระแส วันที่ 16 พ.ค.  มีรายละเอียดดังนี้

วันที่ 10 พ.ค. รองต่อมาออกรายการโหนกระแส กลับไปก็โดนเลย?

“ก็ฟังจากสถานการณ์ ทางเจ้าหน้าที่ตร.เขาน่าจะดำเนินการในลักษณะต้องจับกุมตัวผมให้ได้ กลับไปพอเสร็จจากรายการนี้ ก็พูดว่าจะมีคนตามมามั้ยก็จริงๆ พอผมกลับไปที่คอนโด ผมก็เห็นว่าเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ ที่นั่นมีสัตว์เลี้ยงที่ผมเลี้ยงไว้ด้วย ผมก็เข้าไปดูเขาบ้าง ผมก็ตัดสินใจออกไปต่างจังหวัดดีกว่า เพราะเขาเข้ามาเฝ้าก็น่าจะมีเหตุอะไร ผมออกไปต่างจังหวัด”

Advertisement

 

วันรุ่งขึ้นเป็นยังไง?

“ถึงได้ทราบว่ามีการออกหมายจับจริง ตอนแรกทราบจากสื่อ แต่พอตรวจสอบก็น่าจะมีความเป็นไปได้จริง แล้วในทันทีทันใดที่ทราบข่าวว่ามีการออกหมายจับผม อาคารชุดก็แจ้งมาว่า มีเจ้าหน้าที่ตร. ไม่ได้เป็นการขออนุญาตเนื่องจากมีคำสั่งศาลเข้าตรวจค้นห้องผม ทางฝ่ายนิติบุคคลก็แจ้งมา เขาไม่ได้ไปแบบปกติ ลักษณะการตรวจค้น ใช้กำลังสัก 10 นายก็เกินแล้ว วันนั้นผมไม่อยู่ในเหตุการณ์ จากการแจ้งเข้ามาร่วม 100 คน ในการปฏิบัติการ ชุดนี้ถ้ากำลังที่ไป การแต่งกาย อาวุธอุปกรณ์ มันสำหรับจับกุมคดีอุกฉกรรจ์รุนแรง หรือคดีก่อการร้าย ผู้ต้องหาต้องกระทำผิดประมาณนั้น แต่ห้องผมเนี่ย มันมีแต่กระต่ายนำเข้าจากต่างประเทศ เป็นสัตว์เลี้ยงเล็กๆ น้อยๆ”

Advertisement

 

คนลือกันทั่วว่ารองต่อไหวตัวทันเลยหลบหนีไปก่อน?

“ไม่ใช่นะ เขาสันนิษฐานจากที่ว่าภายในเปิดแอร์อยู่ เขาไม่ทราบว่าน้องหนูกระต่ายผมซื้อมาจากเมืองนอก เขามาร่วมร้อยขนาดนี้ อาคารชั้น 15 นะ ผมจะเป็นซูเปอร์แมนโดดลงมายังไง น้องกระต่ายเขามาจากเมืองนอก เขาก็ขี้ร้อน เพราะตอนกลางวันอากาศร้อน ตอนค่ำๆ จะมีคนที่ผมไว้ใจมาปิดเอง แต่จากการที่ข้อมูลเขาดีมากไง เขาก็เลยคิดว่าผมอยู่ในห้องแน่”

 

ไม่ได้เป็นแผนการเปิดแอร์เพื่อให้คนคิดว่ามีคนอยู่?

“ผมไม่ทราบมาก่อนว่าเขาจะมาค้น จะมาออกหมายจับ คงไม่สามารถไปวางแผนได้ขนาดนั้น แล้วจะหลุดรอดพ้นจากการจับกุมของเขาได้”

 

หายตัวไปสักวันสองวัน?

“ไม่ใช่ คือคืนนั้นเลย พอผมออกไปไกลพอสมควร พอเขามาค้นแบบนี้ชัดเจนว่าต้องมีหมายจับ ผมเลยตัดสินใจกลับเข้ากรุงเทพฯ ดีกว่า มันเป็นเวลาใกล้มืดค่ำยามวิกาลแล้ว เป็นวันเดียวกันนั้นแหละ ผมเข้าไปบ้านที่คริสตัลปาร์ค เพื่อไปกราบคุณพ่อคุณแม่ เพราะท่านพักอยู่บ้านหลังนั้น เมื่อไปถึงผมก็แจ้งทางผู้กำกับการสน.โชคชัย ว่าผมคือใคร และทราบว่าถูกออกหมายจับในคดีที่ตลาดใหม่ ข้อหาอะไรก็ยังไม่ทราบ ผมพร้อมจะมอบตัว แล้วไมใช่แจ้งเฉพาะผู้กำกับการสน.โชคชัยคนเดียวนะ ผมก็แจ้งผ่านสื่อไปหลายๆ คนที่สอบถามผมว่าทราบเหตุการณ์หรือยัง ผมก็บอกทราบแล้ว งั้นก็ช่วยแจ้งกันว่าผมมามอบตัว ถ้ามีการตั้งข้อกล่าวหาผม ก็พร้อมมอบตัวสู้คดี ผมมั่นใจผมบริสุทธิ์ใจ ถ้าข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์เนี่ย มันไม่ใช่แน่ ก็ประกาศทุกคนก็ทราบ พอทุกคนทราบ ถามว่าผมอยู่ที่ไหน บ้านอยู่ตรงไหนก็มากัน มากันเยอะก็ยังนั่งคุยในบ้านนะเพราะค่ำแล้ว เพียงแต่ว่าถ้าเป็นเจ้าหน้าที่ตร.อย่าเพิ่งเข้ามา เดี๋ยว 6 โมงครึ่งตอนเช้าผมจะออกไป แล้วคุณค่อยจับกุมผมนอกบ้าน”

 

เป็นการมอบตัว?

“ก็มอบตัว ก็ตามที่นัดหมาย พอเช้าทุกท่านก้อยู่กับผมตั้งแต่กลางคืน ก็พูดตรงๆ ว่าตอนนั้นวิตกกังวลมาก พอแจ้งว่าผมอยู่ในบ้าน เขาก็เตรียมกำลัง ช่วงชม.เศษๆ มีกำลังเป็นลักษณะหน่วยชุดปฏิบัติการชุดนี้มาล้อมหน้าล้อมหลังบ้านในคืนนั้นเลย”

 

ในบ้านมีใคร?

“คุณพ่อผมอายุ 91 แล้ว คุณแม่ก็ 85 เป็นผู้ป่วยติดเตียง คนดูแลคุณพ่อคุณแม่ ลูกชายผม (หัวเราะ) เขาก็มาหลังจากผมเข้ามาแล้ว ผมวิตกกังวลเพราะจากประสบการณ์กำลังที่มา ผมมองแล้วว่าเขาเข้ามา มีสาเหตุเดียวนะ คดีประเภทเดียวการเข้าไปตรวจค้นยามวิกาลได้คือคดียาเสพติด แล้วบริเวณบ้านมีบริเวณพอสมควร มืดค่ำถ้าเกิดมีการกระทำอะไรไม่ชอบ โยนเข้าไปแล้วเข้ามากัน ผมเอาอะไรไปต่อต้านเขา ผมก็คิดว่าผมตัดสินใจผิดหรือเปล่าที่กลับมาบ้าน  เราก็แสดงความบริสุทธิ์ใจ ผมก็บอกเขาชัดเจน”

 

 แต่ภาพเหมือนโดนบุกจับ?

“ผมอยู่หน้าประตุตอนเช้า ที่ผมออกมา พวกท่านหลายสำนักเลยอยู่กับผมทั้งคืน ผมก็เบาใจนะ ไม่ใช่เอาพวกท่านมาเป็นโล่มนุษย์อะไร แค่บอกว่าผมบริสุทธิ์ใจ และทุกสำนักก็เต็มใจอยู่กับผมในบ้าน”

 

ทำไมลูกต้องปีนรั้วออกมา?

“เขาก็มากราบคุณปู่คุณย่าผมก็อยู่ด้วย เขาจะไปเรียนตอนเช้า พอเหตุการณ์แบบนี้ ผมจะล็อกกุญแจ ผมถือกุญแจ ก็ต้องเซฟก่อน เดี๋ยวเป็นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ แปลกปลอมเข้ามา ใครก็ไม่รู้ มีอาวุธเข้ามา ลูกชายผม ผมก็บอกว่าไม่เป็นไร เขาก็ฟังแต่ผมไม่ทราบว่าเขาคิดยังไง ตอนปีนผมไม่รู้เรื่องเลย พอมีคนตะโกนบอกว่าเขาปีนออกไปแล้ว เรารู้สถานการณ์เลย ผมก็ทำได้แค่ไปยืนเกาะรั้ว มองตะโกนหาใครที่อยู่ข้างนอกให้ดูแลเขา ก็เป็นห่วง เพราะพอเขากระโดดออกไปปั๊บ ก็มีเจ้าหน้าที่มาล้อมเขา แต่โชคดีมีสื่ออยู่ข้างนอกพอดี ผมก็เลยฝากให้ช่วยดูแลบุตรชายผมด้วย”

 

น้องพูดมาคำนึงว่าไม่แฮปปี้กับนิสัยพ่อที่มุทะลุโวยวาย?

“ผมเลี้ยงลูกไม่ได้ดุ แต่เขาอาจไม่ชอบผมในการที่ผมออกมาแล้วมีประเด็นปัญหา ผมเป็นคนไม่ยอมใคร”

 

เขาห่วงพ่อ?

“ผมก็บอกว่าไม่เป็นไร พ่อดูแลตัวเองได้ แต่ถ้าสำหรับลูก ลูกไม่ควรมารับรู้ยุ่งเกี่ยว เขาก็จะรับรู้เหมือนที่ทุกคนมองผม”

 

มีบางคนบอกลูกไม่ชอบพ่อ?

“เขาไม่ชอบในการที่ผมออกมาอะไรกับสังคมแบบนี้ คนก็เห็นผมบางเสี้ยว ก็อาจตีความไปได้ ลูกชายผมเลี้ยงเขาก็เลี้ยงแบบลูกผู้ชาย ให้เทคแคร์ตัวเอง แต่ผมไว้ใจเขาอย่างหนึ่งคือเขาเป็นคนรักดี เขาไม่มีพฤติการณ์อะไรที่เสื่อมเสีย ไว้ใจเขาแบบลูกผู้ชาย”

 

ทำไมต้องถอดเสื้อแล้วร้องไห้?

“บางคนบอกน้ำตามาเฟีย แต่คนอย่างผม ร้องไห้กับตัวเองไม่เคยมี เหตุการณ์วันนั้นผมต้องไปอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ผมทำหน้าที่นี้มาก่อน สถานการณ์ที่ผ่านมา เป้าหมายคือผม มันประเมินไม่ได้แล้วไง เมื่อเราไปอยู่ในการควบคุมของเขา โอกาสที่เขาจะทำอะไรกับเราก็ทำได้ทั้งสิ้น มันเหมือนเป็นการล่ำลา ผมมาบ้านคุณพ่อเพื่ออยากได้ความเป็นสิริมงคลเพราะต้องถูกดำเนินคดีแล้ว แล้วคุณพ่อคุณแม่ ทุกวันนี้ท่านอายุมากแล้ว เป็นช่วงสุดท้ายแน่นอนของชีวิต เราพูดไม่ได้เป็นธรรมชาติ เราตั้งใจดูแลท่านอย่างดีที่สุด เพราะท่านทำให้ชีวิตผมเป็นชีวิตที่ดี แต่วันนี้ผมจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว วันนั้นผมมอบตัว เมื่อเขามาควบคุมตัวผมไป อะไรก็เกิดขึ้นได้”

 

มีคำพูดนึงที่ตะโกนบอกว่ากูไม่กลัวมึง?

“ก็ผมทราบ ผมรู้ แล้ววิธีการมากดดันผมแบบนี้ ใช้ไม่ได้ คุณอาจไปใช้กับคนอื่นได้ แต่กับผมไม่ได้”

 

 เขากดดันอะไร?

“เขาต้องการให้ผมมีวาระซ่อนเร้นอะไรบางอย่าง ซึ่งผมรู้ เขาต้องการให้เจรจาต่อรองกัน แน่นอนต้องเป็นเรื่องที่มีผลประโยชน์อะไรแล้วกัน แต่ไม่ใช่ผลประโยชน์ของผม แต่เป็นผลประโยชน์ที่ทำให้พวกเขาเสียหาย ที่มันลึกลับ แล้วผมล่วงรู้ ถูกมั้ย เขาก็ต้องการให้ผมพูดจาเจรจา ต้องการเคลียร์กันพูดง่ายๆ อย่างผมเขาก็ต้องรู้นิสัย เขาก็ใช้มาตรการที่เขาเข้าใจว่าใช่ มาดำเนินการกับผม”

 

ณ วันนั้นยอมไปแต่โดยดี?

“ก็ยอม แต่ผมก็ชวนทุกท่าน ก่อนที่จะเปิดประตูบ้าน เมื่อเดินก้าวแรก เมื่อพ้นประตูบ้านผมสิ้นอิสรภาพ คุณก็มาควบคุมตัวผมได้เลย แต่ผมต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจและไม่ใช่เพียงเท่านั้น ต้องแสดงให้เห็นว่าผมไม่ต่อสู้ขัดขวางและไม่มีอาวุธ เลยถอดเสื้อ ถ้าผมใส่เสื้อ เขาอาจสันนิษฐานได้ว่าผมพกพาอาวุธ แล้วถ้าพาผมเข้าไปนั่งในรถ ถ้าบอกใครๆ ว่าผมดีดดั้น ต่อสู้ขัดขวาง ยังไงใครๆ ก็เชื่อ ถูกมั้ย คาแรคเตอร์แบบผม เดี๋ยวก็มีเปรี้ยงปร้างออกมา นี่เป็นยุทธวิธี ผมก็แสดงให้ทุกคนเห็นว่าผมไม่มีอะไรแน่ เดี๋ยวเกิดไปข้างในเอาอะไรคุมผมขึ้นมา”

 

คิดเองมั้ย?

“ถ้าคนไม่ทำงานมา เราไม่คิดไปไกลขนาดนี้ เรารู้ไงว่ามันมีเหตุอะไร ถ้าไม่มีเหตุจะมีสถานการณ์มาถึงนาทีนี้”

 

ท่านรองเคยทำแบบนี้กับใครเหรอ?

“ผมเคยทำงานมาก่อน ทำมาสมัยหนุ่มๆ ทำแล้วกันแต่หมดอายุความ ตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ เขาก็เรียกผมหน้าหยก แต่ก็อย่าไปพูดดีกว่า มันผ่านมาแล้ว แต่ผมทำกับโจรผู้ร้าย ผมไม่เคยมาทำเพราะเรื่องผลประโยชน์ เพราะเรื่องขัดแย้งกันใครไม่ชอบใคร ความไม่ชอบธรรม”

 

ดราม่าของคุณพ่อ อยู่ดีๆ มีแจ้งคุณพ่อให้ที่พักพิง รองต่อรู้สึกไม่เป็นธรรม?

“เราจับโจร ไม่ใช่พึ่งจับ จับมาเป็นพันเป็นหมื่น จำไม่ได้ ถูกมั้ย เวลาเราไปจับโจร เขาอยู่กับภรรยากับเมียเขา เราก็จับแต่โจร ไม่เคยไปจับเมียเขาถูกมั้ย แล้วเคยไปโทษมั้ยเขากลับมาหาภรรยา ภรรยาให้ที่พักพิง อย่างกรณีผม คุณพ่อให้ที่พักพิงลูก จริงๆ กฎหมายมีนะ ชั้นศาล เป็นเหตุให้ไม่ลงโทษได้ แต่นี่เขาก็ถือว่ากระทำก่อน”

 

คุณพ่อยังไงก็ต้องเดินทางไป?

“ก็เขาออกหมายเรียกมา เขาระบุมาว่าต้องไป  ท่านก็โรคเยอะ ท่าน 91 ผมก็ถามว่าคนที่ออกกหมายเรียกท่าน โทษเถอะ เขาอาจเป็นลูกไม่มีพ่อหรือเปล่า ถึงไม่รับรู้ความรู้สึกแบบเรา คุณก็รู้นี่ คุณก็เห็น คุณพ่อผมยังไง คุณแม่ผมยังไง”

 

ภาพก้มกราบ?

“ผมก้มกราบท่าน เหมือนก่อนที่ผมถูกจับกุมท่านก็ให้พรให้กำลังใจ ผมออกมา ท่านก็ให้พรให้กำลังใจ เพราะอะไรท่านเป็นอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ต้องเข้าใจ ท่านก็เป็นมือปราบคนนึงนะในยุคนั้น ในยุคอัศวินท่านเป็นมือปราบคนหนึ่ง แล้วเหตุการณ์นี้มาเกิดกับลูกชายท่านคืออะไร ท่านรับราชการมาจนเกษียณเราก็ทำคุณงามความดีให้แผ่นดินขนาดนี้ แล้วท่านมั่นใจแน่นอนว่าลูกชายแบบผมไม่ได้ชั่ว ไปทำร้ายแผ่นดิน ถึงต้องมาทำกับลูกขนาดนี้ พวกคุณตร.รุ่นลูกรุ่นหลานเติบโตมาได้ยังไง มีตำแหน่งหน้าที่สูงมาถึงระดับนี้ได้ยังไง”

 

แน่ๆ ณ ตอนนี้โดน 11 หมายจับ 45 คดี ของรองเอง 8 คดี ณ วันนี้ประกันตัวเรียบร้อย จะฟ้องกลับ 3 นายพล?

“บอกชื่อไปเลยจะได้ไม่ต้องสับสน ไปยื่นหนังสือแล้วเมื่อวาน”

 

ฟ้องท่านจักรทิพย์ ท่านวีระชัย สุดท้ายคือท่านสุรเชษฐ์ ทำไมต้องไปฟ้อง?

“มันมีที่มาที่ไป แต่ละคนมีประเด็นกับผมส่วนตัว การปฏิบัติหน้าที่คุณจะบอกว่าคุณเที่ยงธรรม ชอบธรรมไม่ได้ คุณมีเหตุกับผมส่วนตัว”

 

วันแรกท่านจักรทิพย์ ท่านรองก็ยังต่อสายอยู่เลย เหมือนไม่มีปัญหา?

“มันมีเป็นลำดับๆ มา เอาเป็นว่าเขามีความสัมพันธ์กับผมส่วนตัวมาก่อน ก่อนจะมีสถานการณ์นี้  ถูกต้องมั้ย จนกระทั่งถึง ณ วันนี้ เอาเขาสามคนพอ คนอื่นหากใครจะเข้ามาผสมโรงก็เพิ่มเข้าไปอีกได้ ถ้ายังไม่หยุด แตกประเด็นไปอีก โน่นนี่ เขาทำเรื่องถอดยศผมอย่างนี้ มันเป็นความผิดอะไรกัน แล้วไปเกี่ยวข้องสนามม้า ให้ทางสปอร์ตคลับ ราชกรีฑาสโมสร ประกาศห้ามผมเข้าไปชมการแข่งม้าในนัดวันอาทิตย์นี้ ไปเรื่อย มีอะไรโน่นนี่ เดี๋ยวจะมีการออกหมายจับอีก 11 คน มีคดีเพิ่มอีก แล้ว 11 คนนั้นเป็นใคร ผมก็ยังไม่ทราบ คุณยังไม่พออีกเหรอเนี่ย”

 

เรื่องเรียกตัวผู้เสียหายมาสอบต่อหน้าทำไม่ได้?

“ไม่ต้อองสอบก็ได้ แต่มานั่งคุยกัน จะได้รู้ข้อเท็จจริงพร้อมกัน ผมต้องการแบบนี้”

 

ทางโน้นบอกมีร้อยคนที่บอกว่าท่านรองต่อไปเก็บส่วยแผงละ 3 พัน?

“คนเก็บมีไง แต่จะเป็นส่วยมั้ยก็ต้องตีความ เขาบอกเป็นค่าส่วนกลางเขาก็ต้องเก็บ มีใบเสร็จหลักฐานยินยอมมอบให้ด้วยความเต็มใจ แต่พวกคุณไปตีความเอง คุณทำกิจการนี้ด้วยมั้ย คุณรู้ได้ยังไง”

 

มีผู้เสียหายบอกว่าถ้าไม่จ่ายจะเรียกตัวไปชั้นสองแล้วมีชายหนุ่มกำยำยืนรุมล้อม?

“เขาเคยมีการแจ้งความลักษณะนี้มั้ยล่ะ เขาแจ้งความดำเนินคดีมั้ย เรื่องนี้เขาเก็บมาสองปีหรืออะไรไม่ทราบ เคยมีคดีแบบนี้มั้ย แล้วคุณคิดว่าถ้าไม่เต็มใจ เขาเก็บคุณไปคุณก็ต้องแจ้งความดำเนินคดีตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมพอพวกตำรวจเข้ามาก็ไปพูดจาโน้มน้าว เพราะคุณไปบอกว่าเก็บแบบนี้ไม่ได้ บอกว่าเป็นส่วย ตลาดถ้าไม่เก็บค่าส่วนกลางจะบริหารยังไง ตลาดก็เลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปหมดแล้ว”

 

เรื่องนี้จะจบยังไง?

“ผมบอกแล้วไง เรื่องละเมิดสิทธิไปถึงครอบครัว ล่าสุดไปถึงภรรยาผมด้วย คุณเอาหลักฐานสลิปใบเสร็จที่เขาซื้อขายช้อปปิ้งพวกแต่งตัว คุณบอกว่าจะมีการตรวจสอบธุรกรรมอะไร ภรรยาเขาก็ถือว่าเป็นสิทธิส่วนตัวเขา เขาก็ไม่เคยเข้ามาเกี่ยวข้องอะไรกับกิจการของผม เขาก็มีความจำเป็นต้องไปร้องว่าเขาถูกละเมิดสิทธิ์ตรงนี้กับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแล้วเมื่อบ่ายนี้”

 

ถ้าตำรวจจะตรวจสอบเส้นทางการเงิน?

“ก็พร้อมอยู่แล้ว มาได้เลย ผมบอกได้เลยรีบมา เพราะธุรกรรมผมไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ผมบอกแล้วว่าอยู่ต่างประเทศ ผมมีความสบายใจมาก รีบมาตรวจซะ จะได้หายคลางแคลงใจ”

 

 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image