อุทธรณ์พิพากษาแก้ ปรับ 6 พัน ‘อภิชาต’นักวิชาการกฎหมาย ชูป้ายต้านรัฐประหาร

(แฟ้มภาพ)นายอภิชาติ พงษ์สวัสดิ์ นักวิชาการด้านกฎหมาย

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ที่ศาลแขวงปทุมวัน ถ.พระราม 4 ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ครั้งที่ 4 คดีพนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลแขวง 6 (ปทุมวัน) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายอภิชาติ พงษ์สวัสดิ์ นักวิชาการด้านกฎหมาย เป็นจำเลย ในความผิดฐาน ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยฝ่าฝืนประกาศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 7/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมือง ซึ่งเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก และกระทำผิดต่อ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 มาตรา 8 และ 11 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 , 216 , 368 วรรคแรก จากกรณีเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2557 เวลากลางคืน จำเลยกับพวกอีก 500 คนที่หลบหนีไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้มั่วสุมชุมนุมคัดค้านการรัฐประหารของ คสช. โดยจำเลยกับพวกชูป้ายว่า “ไม่ยอมรับอำนาจเถื่อน” บริเวณหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และด่าทอ โห่ร้อง เจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณหอศิลปฯ

โดยศาลอุทธรณ์เห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานชุมนุมทางการเมือง ตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 7/2557 แต่มีคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ออกมาภายหลังเป็นคุณแก่จำเลย ทั้งนี้ จำเลยเข้าร่วมชุมนุมโดยสงบ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นการใช้ดุลพินิจกำหนดโทษที่หนักเกินไป จึงพิพากษาแก้ไม่ลงโทษจำคุก และยกฟ้องข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 นอกนั้นให้เป็นไปตามที่ศาลชั้นต้นพิพากษา คือปรับ 6,000 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้อง วันที่ 28 เมษายน 2558 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า ภายหลังการการยึดอำนาจปกครองจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แล้ววันที่ 22 พฤษภาคม 2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ตั้ง คสช. และประกาศ คสช.เรื่องการห้ามชุมนุมทางการเมือง เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2557 เวลากลางคืน จำเลยกับพวกอีก 500 คนที่หลบหนีไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้มั่วสุมชุมนุมคัดค้านการรัฐประหารของ คสช. โดยจำเลยกับพวกชูป้ายว่า “ ไม่ยอมรับอำนาจเถื่อน ” บริเวณหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และด่าทอ โห่ร้อง เจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย บริเวณหอศิลปฯ และยังปลุกระดมกลุ่มผู้ชุมนุม ให้ร่วมชุมนุมากขึ้นเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เหตุเกิดที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ถ.พระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม.

โดยครั้งแรกศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2559 ให้ยกฟ้องนายอภิชาติ เนื่องจากยังฟังไม่ได้ว่ากองบังคับการปราบปราม มีอำนาจหน้าที่การสอบสวนความผิดอาญาในท้องที่เขตปทุมวันในคดีนี้ และยังฟังไม่ได้ว่าพนักงานสอบสวน กก.1 ป. มีอำนาจหน้าที่สอบสวนความผิดตามข้อกล่าวหาในคดีนี้ กรณีจึงฟังไม่ได้ว่า มีการสอบสวนความผิดตามข้อกล่าวหาโดยชอบ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง คดีไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยปัญหาอื่น

Advertisement

ต่อมาอัยการโจทก์ได้ยืนอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายเรื่องขอให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเรื่องอำนาจการสอบสวน กระทั่งศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้วเห็นว่าพนักงานสอบสวนกองปราบปรามมีอำนาจสอบสวน จึงให้ย้อนสำนวนส่งกลับมาให้ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำพิพากษาใหม่ ซึ่งศาลแขวงปทุมวันที่เป็นศาลชั้นต้น ก็ได้พิจารณาและมีคำพิพากษาใหม่ โดยเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2559 โดยศาลเห็นว่าการกระทำของนายอภิชาตฝ่าฝืนประกาศ คสช.เรื่องการห้ามชุมนุมและประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 จึงพิพากษาให้จำคุก 2 เดือน และปรับ 6,000 บาท แต่ศาลเห็นว่านายอภิชาตไม่เคยต้องโทษคดีอาญามาก่อนจึงให้รอลงอาญาไว้มีกำหนด 1 ปี กระทั่งจำเลย ได้ยื่นอุทธรณ์สู้คดีอีกว่าการกระทำนั้นไม่เป็นความผิด ส่วนอัยการโจทก์ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์คดีแต่อย่างใด

สำหรับคดีนี้มีการเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มาหลายครั้ง โดยศาลให้เหตุผลทำนองว่าคดีมีความซับซ้อน พิจารณาไม่แล้วเสร็จ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image