เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ นายวีระกุล อรัณยะนาค ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการองค์การค้าของ สำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยว่า ตามที่นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการศธ. ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสกสค. ระบุว่าอาจไม่สามารถดำเนินการชำระหนี้ค่ากระดาษและค่าพิมพ์ขององค์การค้าฯ จำนวน 941 ล้านบาทได้ทันตามกำหนดวันที่ 15 กุมภาพันธ์ และเตรียมของบประมาณกลางมาชำระหนี้นั้น คณะกรรมการสกสค. มีมติให้สกสค. หาแหล่งเงินเงินทุนมาช่วยองค์การค้าฯ ชำระหนี้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าทำไมการดำเนินการดำเนินการจึงล่าช้า เข้าใจว่า ต้องเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสกสค. ที่ต้องรับผิดชอบ อย่างไรก็ตามหากไม่มีเงินมาชำระหนี้ในส่วนนี้จะกระทบกับการจัดพิมพ์หนังสือเรียนหรือไม่นั้น ตอนนี้ตนยังตอบไม่ได้ ต้องรอดูการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-บิดดิ้ง ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ก่อน ว่าจะมีโรงพิมพ์เอกชนเข้าร่วมประมูลหรือไม่
“หากไม่มีโรงพิมพ์เข้าร่วมประกวดราคามูลจริง ๆ ก็คงกระทบกับการจัดพิมพ์หนังสือเรียน แต่ผมเองยังเชื่อว่าจะมีโรงพิมพ์เอกชนเข้าร่วม และองค์การค้า ฯ เอง ก็คงไม่ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ก็ต้องหาวิธีแก้ไขกันไป ขณะที่การดำเนินการทางธุรกิจก็ต้องเดินไปข้างหน้า ซึ่งผมมั่นใจว่า จะสามารถจัดพิมพ์หนังสือเรียนทันตามกำหนดแน่นอน อยากให้ทุกคนสบายใจ เพราะได้มีการประสานการทำงานไว้ล่วงหน้าแล้ว”นายวีระกุลกล่าว
นายวีระกุลกล่าวต่อว่า ยอมรับการแก้ปัญหา บางอย่าง เป็นไปอย่างล่าช้า ส่วนหนึ่งเพราะองค์การค้าฯ ไม่ได้เป็นนิติบุคคล ทั้งที่ทำธุรกิจ แต่กลับมีการบริหารงานแบบราชการ ซึ่งมีหลายขั้นตอน ทั้งที่บางเรื่องจำเป็นต้องมีการตัดสินใจและการดำเนินการอย่างรวดเร็ว จึงจะสามารถแก้ปัญหาได้ ทั้งนี้ที่ผ่านมาเคยมีการเสนอให้ ปรับสถานะองค์การค้าฯ เป็นนิติบุคคลมาโดยตลอด เพื่อให้การทำงานมีความคล่องตัวและตรวจสอบความโปร่งใสทางธุรกิจได้ อย่างเป็นธรรม อีกทั้งหากองค์การค้าฯ ยังอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสกสค. ก็เหมือนเป็นการฉุดสกสค.ด้วย ซึ่งทุกฝ่ายต่างเห็นด้วย แต่ก็ยังไม่มีการดำเนินการ เพราะหากจะทำ ก็ต้องมีการแก้กฎหมาย และคงไม่สามารถทำได้ทันในรัฐบาลนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการเปิดสรรหาผู้อำนวยการองค์การค้าฯ ตัวจริง จะสมัครเข้ารับการสรรหาหรือไม่ นายวีระกุล กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ตัดสินใจ คงต้องรอดูหลักเกณฑ์การสรรหาก่อน แต่ไม่ว่าใครจะเข้ามาก็ต้องแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในเชิงธุรกิจ หากได้คนที่มีประสบการณ์เข้ามาช่วยแก้ปัญหาก็จะเป็นเรื่องดี