กฤษฎีกาชี้ กก.ควบคุมฯ มีอำนาจ บริหาร ร.ร.แทน ‘ผอ.-บอร์ดบริหาร’
โรงเรียนเอกชน – เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมส่งเสริมการศึกษาเอกชน ที่มีนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธาน ว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมศึกษาเอกชน (สช.) ได้รายงานที่ประชุมทราบถึงผลการหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการควบคุมโรงเรียนในระบบ ตาม พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 ซึ่งมีคำถามว่าคณะกรรมการควบคุมโรงเรียนในระบบสามารถแต่งตั้ง หรือถอดถอนผู้อำนวยการ ครู บุคลากรทางการศึกษา เจ้าหน้าที่ และผู้ปฏิบัติงานได้หรือไม่ และคณะกรรมการควบคุมโรงเรียนในระบบ สามารถดำเนินการอนุมัติ อนุญาต หรือระงับการทำสัญญา หรือทำนิติสัมพันธ์ต่างๆ กับหน่วยงานภายใน หรือภายนอกประเทศได้หรือไม่ เป็นอำนาจหน้าที่ของผู้รับใบอนุญาตได้หรือไม่
นายอรรถพลกล่าวต่อว่า ซึ่งคณะกรรมการกฤฎีกาได้พิจารณาข้อหารือ มีความเห็นว่าคณะกรรมการควบคุมโรงเรียนในระบบ มีอำนาจทำการแทนคณะกรรมการบริหารโรงเรียนเอกชนทุกประการ และมีอำนาจในการลงมติเพื่อดำเนินกิจการของโรงเรียนทั้งหมด ส่วนข้อกฎหมายใดที่ระบุให้เป็นอำนาจของผู้ได้รับใบอนุญาตฯ หากคณะกรรมการควบคุมมีมติอย่างไร ผู้รับใบอนุญาตฯ ต้องปฏิบัติตามมตินั้น
“นอกจากนี้ ได้หารือในประเด็นการแต่งตั้งผู้อำนวยการโรงเรียนเอกชนระบบ ว่ากรณีที่ผู้รับใบอนุญาตฯ แต่งตั้งให้บุคคลอื่นเป็นผู้อำนวยการแล้ว จะสามารถแต่งตั้งบุคคลอื่นเป็นรองผู้อำนวยการได้หรือไม่ คณะกรรมการคณะกฤษฎีกาวินิจฉัย และให้ความเห็นว่า ผู้รับใบอนุญาตฯ สามารถแต่งตั้งบุคคลาอื่นเป็นรองผู้อำนวยการได้” นายอรรถพล กล่าว
นายอรรถพลกล่าวอีกว่า สช.ได้รายงานที่ประชุมทราบถึงการสำรวจความประสงค์ของโรงเรียนที่ให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาปฏิบัติงานในฐานะครูผู้สอน หรือบุคลากรทางการศึกษา โดย สช.รวบรวมรายชื่อชาวต่างชาติที่มีความประสงค์ให้เข้ามาเป็นครูเอกชนในระบบ ประเภทนานาชาติ และจัดส่งข้อมูลให้กระทรวงต่างประเทศ (กต.) เพื่อให้ (กต.) ออกวีซ่าให้บุคคลเหล่านี้ต่อไป จากการสำรวจพบว่ามีครูต่างชาติ 1,456 คน มีผู้ติดตามของครู 740 คน รวม 2,196 คน ครูทั้งหมดที่จะเข้ามาให้ประเทศ จะถูกกักตัวเพื่อตรวจสอบโรคเป็นเวลา 14 วันด้วย
“นอกจากนี้ กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน ได้รายงานสถานะกองทุนฯ ว่าขณะนี้ได้ปล่อยกู้สินเชื่อสวัสดิการเงินกู้ โครงการที่ 5 มีผู้ยื่นขอกู้ 2,146 ราย จ่ายเงินกู้ไปแล้ว 1,801 ราย วงเงินรวม 261 ล้านบาท อยู่ระหว่างการพิจารณาปล่อยกู้อีก 300 ราย”นายอรรถพล กล่าว