สั่งปิด 2 พัน ‘เอกชนนอกระบบ’ สช.เล็งฟัน ร.ร.ในระบบอีก 330 แห่ง

สั่งปิด 2 พัน ‘เอกชนนอกระบบ’ สช.เล็งฟัน ร.ร.ในระบบอีก 330 แห่ง ขีดเส้นตาย ก.ท.แก้ไขตราสาร 28 มี.ค.นี้

นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) อยู่ระหว่างการจัดระเบียบโรงเรียนเอกชนในระบบทั่วประเทศ จำนวน 330 แห่ง แบ่งเป็น ในกรุงเทพฯ 157 แห่ง และต่างจังหวัด 173 แห่ง ที่ไม่ประกอบกิจการ และไม่แจ้งยกเลิก โดย สช.ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ทุกจังหวัด ให้ตรวจสอบ ทั้งนี้ สช.ได้กำหนดวันชัดเจน ถ้าโรงเรียนไม่ดำเนินการภายในเวลาที่กำหนด จะสั่งตั้งคณะกรรมการควบคุมโรงเรียน เพื่อเพิกถอนใบอนุญาตต่อไป โดยโรงเรียนจะต้องรวบรวมหลักฐานทางการศึกษา และผลการเรียนของนักเรียนส่งมาที่ สช.ด้วย

นายอรรถพลกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา สช.ประสบปัญหาในการให้บริการประชาชน เพราะโรงเรียนที่เลิกกิจการ และไม่ยอมส่งข้อมูลหลักฐานผลการเรียนของประชาชนให้ สช.เมื่อประชาชนเข้ามาติดต่อขอข้อมูล จึงไม่สามารถหาข้อมูลให้ได้ ดังนั้น จะต้องจัดระเบียบโรงเรียนเอกชนในระบบใหม่ คือหาก สช.พบโรงเรียนเลิกกิจการแล้วไม่แจ้งเลิกกิจการ จะตั้งคณะกรรมการควบคุมโรงเรียน ให้คณะกรรมการควบคุมฯ รวบรวมหลักฐานทางการศึกษาของนักเรียนมาให้ สช.และให้คณะกรรมการควบคุมฯ ร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีอาญากับผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งที่ไม่ส่งหลักฐานการศึกษามาให้ สช.ซึ่งมีโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท

“นอกจากนี้ สช.จะจัดระเบียบโรงเรียนเอกชนนอกระบบอีก 300-400 แห่ง ซึ่งขณะนี้ สช.ได้สั่งปิดโรงเรียนเอกชนนอกระบบกว่า 2,000 แห่งแล้ว ถือเป็นการจัดระเบียบโรงเรียนเอกชนครั้งใหญ่ เพราะถ้าไม่จัดระบบ จะแยกไม่ออกว่าโรงเรียนไหนเถื่อน หรือโรงเรียนไหนจริง ทั้งนี้ สช.ได้จัดทำแอพพลิเคชั่น สช. On Mobile ให้ประชาชนตรวจสอบโรงเรียนเอกชนทุกแห่ง ว่าได้รับใบอนุญาตจาก สช.จริงหรือไม่ รวมทั้ง ตรวจสอบรายชื่อครูโรงเรียนเอกชนได้ด้วย เพื่อป้องกันผู้แอบอ้างเป็นครูโรงเรียนเอกชนมาหลอกลวงประชาชน” นายอรรถพล กล่าว

นายอรรถพลกล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการบริหารงาน และปัญหาความขัดแย้งภายในโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ที่ สช.ได้ตั้งคณะกรรมการควบคุมฯ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา ขณะนี้ สช.ได้แจ้งให้มูลนิธิสภาคริสตจักรในประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้ง ไปดำเนินการแก้ไขตราสารบางข้อที่อาจขัดแย้งกับกฏหมาย เช่น ในตราสารจัดตั้งของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนฯ กำหนดให้ดำเนินการตามระเบียบของมูลนิธิสภาคริสตจักรในประเทศไทย แต่โรงเรียนเป็นนิติบุคคล จะทำตามระเบียบของหน่วยงานอื่นไม่ได้ จะต้องปฏิบัติตามระเบียบของโรงเรียน เป็นต้น

“ผู้ได้รับใบอนุญาตฯ ขอเวลาแก้ไขตราสารเป็นเวลา 1 เดือน จะถึงกำหนดในวันที่ 28 มีนาคมนี้ ถ้าผู้ได้รับใบอนุญาตฯ ไม่ได้ยื่นคำขอแก้ไขตราสาร สช.จะใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 โดยจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เพื่อเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ใช้อำนาจตามมาตรา 6 ที่กำหนดว่า ในกรณีมีเหตุจำเป็น รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการ กช.จะประกาศให้โรงเรียนใดได้รับยกเว้น ไม่ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.นี้ในเรื่องใดก็ได้ เพื่อให้การแก้ไขตราสารดำเนินการโดยคณะกรรมการชุดอื่นที่ไม่ใช่ผู้ได้รับใบอนุญาตฯ” นายอรรถพล กล่าว

ADVERTISMENT