ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดร.ณัฐวุฒิ ภารพบ นายกสมาคมส่งเสริมการศึกษาเอกชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ในฐานะ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เปิดเผยถึงการใช้ ม.44 ยุบ “อาชีวะเอกชน” ขึ้นตรงกับกระทรวงศึกษาธิการว่า เรื่องนี้มีการพูดมานานแล้ว ทางสมาคมฯทุกพื้นที่ ก็ทราบเรื่อง และมีการเตรียมความพร้อมมานานพอสมควร การที่ให้อาชีวศึกษาเอกชนเข้าไปอยู่ การดูแลของอาชีวศึกษาของรัฐ จะมีข้อดีมากกว่า เนื่องจากจะได้ปฎิบัติตามนโยบายให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน อีกทั้งงานด้านวิชาการก็จะเพิ่มคุณภาพมากขึ้น นักเรียน นักศึกษาก็จะได้รับอานิสงโดยตรง และมีความทัดเทียมกัน
“ สิ่งที่ห่วงในเวลานี้ก็คือ ตัวรัฐเองพร้อมรับตามหรือไม่ และหากยังไม่พร้อมรับก็จะเกิดปัญหาตามมา เพราะความไม่พร้อมทั้งผู้รับและผู้ส่งยิ่งจะทำให้เกิดความไม่รู้ ดังนั้นการโอนในวันนี้อย่างรวดเร็วทุกภาคส่วนทันรับหรือไม่”
ดร.สุวิทยา บริบูรณ์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสถาปัตย์นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจนว่า เป็นอย่างไร จะตอบว่าเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยก็ตอบไม่ได้ เพราะอะไรที่มาเร็วก็ไปเร็ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ดี ต้องดูว่าเป็นไปตามความต้องการเดิมของพวกเราหรือไม่ ไม่ใช่เป็นเพียงว่าโอนอาชีวะเอกชนไปขึ้นกับอาชีวะของรัฐ เป็นเพียงโครงสร้างเท่านั้น แต่รายละเอียดย่อยก็ยังไม่มีความพร้อมก็อาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้อีก
“ซึ่งแต่เดิมสิ่งที่พวกเราเรียกร้องนั้น หมายความว่า ระยะแรกนั้นอาชีวะเอกชนขึ้นอยู่กับ สช.ซึ่งทำเฉพาะแต่เรื่องของธุรการ ส่วนวิชาการ หรือเรื่องอื่นๆ ทำให้พวกเรารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง พอจะขออนุญาตก็ต้องไปขอกับ สช. ท้ายที่สุด สช.ก็ตัดสินใจไม่ได้ อย่างเช่น ทางด้านวิชาการ จะขออนุญาตขยายแผนก หรือขยายสาขา สช.ก็ไม่มีฝ่ายวิชาการพอที่จะบอกหรือให้คำแนะนำแก่เราได้ เราก็ไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ และท้ายสุด สช.ก็จะต้องไปปรึกษา วิทยาลัยเทคนิค หรืออะไรต่อมิอะไรอีก ทำให้เกิดความยืดเยื้อยาวนาน ไม่สามารถตอบโจทย์ได้“
ดร.สุวิทยากล่าว แม้กระทั่งด้านการรับนักเรียน เราบอกว่าเอกชนสามารถรับได้แค่นี้ ก็จะต้องแจ้ง สช. และ สช.ก็จะต้องแจ้งไปยัง เทคนิค กว่าจะตอบรับต้องโอนไปโอนมา มันวุ่นวาย ไม่มีการแชร์กัน เราจึงอยากที่จะเข้าไปอยู่เพื่อที่จะให้ได้รู้ว่า อาชีวะต้องการเท่าไหร่ เอกชนเท่าไหร่ รัฐรับเท่าไหร่ จะได้มีการประสานให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น นี่คือสิ่งที่พวกเราต้องการ ในเมื่อเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วก็จะต้องคุยกันได้ แต่เมื่อถึงเวลานี้ตนก็ยังไม่ทราบเช่นกันว่าจะเป็นอย่างไร เร็วเกินไปหรือไม่ เป็นเพียงการโอนแล้วตาละส่วนจะพร้อมหรือไม่ ต้องมองกันอีกครั้งหนึ่ง ระวังเร็วเกินอาจล้มได้
ดร.จิตสถา ศิริณภัค ผอ.วิทยาลัยเทคโนโลยีจรัสพิชาการ นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ก่อนนี้การบริหารจัดการของเราขึ้นอยู่กับเขตพื้นที่ ทำให้ทางเขตเองไม่มีความเข้าใจในการทำงานของเราเลย อาชีวะต้องการอะไรบ้าง งานวิชาการที่จะต้องช่วยเหลือมีอะไรบ้าง และเมื่อใดก็ตามเราไปอยู่กับอาชีวะภาครัฐเราจะมีความเท่าเทียมกันกับงานด้านวิชาการ เราจะมีความก้าวหน้าด้านวิชาการ กำลังคน ท้ายที่สุดผลประโยชน์ที่จะได้รับอย่างเต็มที่คือ นักเรียน นักศึกษา
ต่อข้อถามรู้สึกอึดอัดใจหรือไม่เมื่อจะต้องโอนไปอยู่กับรัฐ น่าจะมีเรื่องเดียวในเรื่องของการรับเด็กว่าจะจัดสรรกันอย่างไร เราต้องการความชัดเจนถามว่าเราเองพร้อมมากเพียงใด ได้ในระดับหนึ่ง แต่รัฐเองก็จะพร้อมมากเพียงใดด้วยเช่นกัน โดยภาพรวมแล้วน่าจะดีหากมีความพร้อมทุกฝ่าย