ดีเดย์คลอด ‘245 อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ’ 6 ก.พ.66 หลัง พ.ร.บ.แก้คำสั่ง คสช.มีผลบังคับใช้
น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 19/2560 เรื่องการปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของ ศธ.ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายแล้ว และมีผลให้อํานาจหน้าที่ที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ไปเป็นของคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) ประจำเขตพื้นที่ ซึ่ง พ.ร.บ.ฉบับนี้ได้กำหนดให้คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่ง อ.ก.ค.ศ.ประจำเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา และ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับ
น.ส.ตรีนุชกล่าวต่อว่า ศธ.เตรียมการรองรับ พ.ร.บ.ฉบับนี้มาอย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าให้เป็นไปตามกฎหมาย และดำเนินการให้มี อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมฯ และมัธยมฯ รวม 245 เขตพื้นที่ฯ ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมาสำนักงาน ก.ค.ศ.ได้ยกร่างจำนวน องค์ประกอบ หลักเกณฑ์ และวิธีการได้มาซึ่ง อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการประชาพิจารณ์ สอบถามความคิดเห็นผู้เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอให้ที่ประชุม ก.ค.ศ.พิจารณา ทั้งนี้ เมื่อ ก.ค.ศ.เห็นชอบหลักเกณฑ์ดังกล่าวแล้ว ก็ดำเนินการสรรหาเพื่อให้มี อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ทำหน้าที่บริหารงานบุคคลได้ทันที
“ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) เตรียมถ่ายโอนภารกิจเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลไปยังเขตพื้นที่ฯ พร้อมทั้งให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทุกเขตเตรียมการรองรับ โดยจัดเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และอบรมความรู้ เพื่อให้ช่วงรอยต่อการถ่ายโอนการบริหารงานบุคคลไม่มีปัญหา ส่วนการบริหารงานบุคคลระหว่างนี้ มาตรา 11 ของ พ.ร.บ.ฉบับนี้ ระบุว่าการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งของ กศจ.ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคล ซึ่งกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูฯ กำหนดไว้ให้เป็นอำนาจของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ที่ค้างการดำเนินการอยู่ก่อนวันที่ พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับ ให้ดำเนินการต่อไปตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 19 /2560 เรื่องการปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของ ศธ.ลงวันที่ 3 เมษายน พ.ศ.2560 จนกว่าจะมี อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ตาม พ.ร.บ.นี้” น.ส.ตรีนุช กล่าว
นายประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการ ก.ค.ศ.กล่าวว่า ที่ผ่านมา ก.ค.ศ.เตรียมความพร้อมรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการแก้ไขกฎหมายฉบับดังกล่าว ทั้งการปรับแก้หลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูฯ มีวิทยฐานะ หรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและเชี่ยวชาญ ตามข้อตกลงในการพัฒนางาน หรือเกณฑ์ PA ที่เพิ่งประกาศใช้ไปเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม รวมถึง ยกร่างจำนวน องค์ประกอบ หลักเกณฑ์ และวิธีการได้มาซึ่ง อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ โดย ก.ค.ศ.พยายามรับฟังผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อให้ร่างองค์ประกอบเป็นธรรม โดยองค์ประกอบของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว จะมีคณะกรรมการทั้งหมด 11 ราย ประกอบด้วย ประธาน ผู้อำนวยการ สพท.เป็นเลขานุการโดยตำแหน่ง ร่วมด้วยไตรภาคี 3 ส่วน คือ ผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ราย ผู้แทนส่วนราชการ 3 ราย และผู้แทนครู 3 ราย เพื่อให้การบริหารงานบุคคลของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นธรรม ตรวจสอบได้ คาดว่าจะเสนอร่างดังกล่าวให้ที่ประชุม ก.ค.ศ.พิจารณาได้ภายในสัปดาห์หน้า จากนั้น สพท.จะดำเนินการสรรหา อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ได้ทันที ทั้งนี้ คิดว่าจะสรรหา อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ได้ทันภายใน 90 วัน หลังกฎหมายมีผลบังคับใช้
“ส่วนความคืบหน้าการแก้ไขระเบียบ ข้อบังคับ อื่นๆ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายฉบับนี้นั้น ก.ค.ศ.ดำเนินการมาโดยตลอด โดยระเบียบ และข้อบังคับที่ต้องปรับแก้ รวม 160 ฉบับ ตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่คำสั่ง คสช.มีผลบังคับใช้ ซึ่ง ก.ค.ศ.พยายามปรับแก้ให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด” นายประวิต กล่าว