ว.บริหารฯ มธบ.เอาใจคนทำงาน ผุดหลักสูตรบัญชีดิจิทัลแบบบล็อคคอร์ส เทียบโอนเวลาทำงานเป็น ชม.ฝึกงาน
ผศ.ดร.ศิริเดช คำสุพรหม คณบดีวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) เปิดเผยว่า แม้กระแสการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี โดยนำความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาพัฒนากระบวนการทำงานทดแทนแรงงานคนตลอดเวลา และในส่วนของงานบัญชี มีการพัฒนาโปรแกรมต่างๆ ด้านบัญชี ทั้งยังนำปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาช่วยให้งานบัญชีสะดวก และง่ายดายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดยังต้องการแรงงานด้านบัญชี โดยเฉพาะนักบัญชีที่มีทักษะ ซึ่ง AI ไม่สามารถทดแทนได้ ไม่ว่าจะเป็นทักษะด้านความรู้ การใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการทรัพยากร และทักษะทางด้านอารมณ์ เมื่องานบันทึกด้านบัญชีจะหายไปเพราะการใช้เทคโนโลยีมาทดแทน แต่การใช้ดุลพินิจ และการคิดวิเคราะห์ การสื่อสาร การนำข้อมูลสารสนเทศมาใช้ปรับปรุง และใช้เป็นข้อมูลในการตัดสิน การพัฒนาระบบงานขององค์กรโดยการสนับสนุนข้อมูลเพื่อการทำงานเชิงยุทธศาสตร์ และเป็นคู่คิดให้กับเจ้าของกิจการได้นั้น ยังต้องอาศัยทักษะของนักบัญชี
ผศ.ดร.ศิริเดชกล่าวต่อว่า ปัจจุบันสายงานด้านบัญชียังมีอัตราเงินเดือนที่ค่อนข้างสูง สำหรับตำแหน่งนักบัญชีจบใหม่เงินเดือน 15,000-25,000 บาท มีประสบการณ์ 28,000-40,000 บาท หรือตำแหน่งผู้สอบบัญชีรับอนุญาต จบใหม่ 18,000-25,000 บาท มีประสบการณ์ 30,000-50,000 บาท ขณะที่งานผู้ตรวจสอบภายใน กรณีทำงานประจำ จบใหม่ 20,000-28,000 บาท มีประสบการณ์ ประมาณ 30,000-60,000 บาท กรณีทำงานอิสระนั้น รายได้ขึ้นอยู่กับจำนวนบริษัทที่รับงานตรวจสอบภายใน ขนาดของบริษัท และชั่วโมงการทำงาน โดยเฉลี่ยประมาณปีละ 3-10 ล้านบาท และยังมีอีกหลายอาชีพในสายงานด้านบัญชีที่มีอัตราเงินเดือนสูง และมีความต้องการในตลาดแรงงานไม่แพ้กัน อาทิ ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี ผู้ตรวจสอบภายใน นักวิเคราะห์และออกแบบระบบบัญชี เป็นต้น
ผศ.ดร.ศิริเดชกล่าวอีกว่า สำหรับหลักสูตรปริญญาตรีบัญชีดิจิทัลของ CIBA เน้นการสร้างบัณฑิตที่พร้อมด้วยความรู้อย่างมืออาชีพ ที่ผสานทักษะ ทั้งด้านการบัญชี บริหารธุรกิจ และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน ดังนั้น หลักสูตรจึงเน้นการพัฒนาศักยภาพของบัณฑิตให้มีความรู้ทางวิชาชีพบัญชี โดยเข้าถึงองค์ความรู้ และการพัฒนาองค์ความรู้ทางวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งบูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศกับวิชาชีพบัญชี ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบการเงิน และระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยเปิดรับทั้งภาคปกติ หลักสูตร 4 ปี และสำหรับคนทำงาน หรือหลักสูตร 2 ปี
“ข้อดีของหลักสูตรภาคพิเศษสำหรับคนวัยทำงาน คือนำเวลาทำงานในสถานประกอบการของตนเองมานับเทียบเป็นชั่วโมงการฝึกงานได้ ทำให้จบภายในระยะเวลาอันสั้นได้ โดยอาจเรียนจริงประมาณ 10 เดือน ข้อดีอีกหนึ่งประการของหลักสูตรนี้ คือการเรียนเป็นลักษณะบล็อคคอร์สรายวิชา คือเรียนเป็นรายวิชาไป จบวิชานี้จึงจะเรียนวิชาถัดไป ซึ่งผู้เรียนสามารถสมัครเข้ามาเรียนช่วงใดก็ได้ เช่น สมัครเข้ามาช่วงบล็อค 1 กำลังสอนอยู่ ให้รอเรียนตอนบล็อค 2 ได้ เป็นหลักสูตรที่ยืดหยุ่นสำหรับผู้เรียน ผู้สนใจสมัครเข้ามาเรียนได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ ยังนำไอทีจำนวนมากมาใช้สำหรับการเรียนการสอน ที่สำคัญหลักสูตรเน้นการทำโปรเจค ปฏิบัติจริง 70% ทฤษฎี 30% นำความรู้จริงมาสอนให้ฝึกปฏิบัติ บัณฑิตที่จบออกไปจะมีความรู้ และทักษะที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและยุคสมัยที่เปลี่ยนไป” ผศ.ดร.ศิริเดช กล่าว และว่า ผู้สนใจสมัครจะได้รับทุนการศึกษา 15,000 บาท พร้อมอุปกรณ์การศึกษา อาทิ IPAD และ Apple Pencil