พศ.แจงมติ มส.ห้ามต่างชาติเช่าพื้นที่วัด เรื่องเก่า แต่แจ้ง พศจ.ซ้ำ หลังพบวัดให้กลุ่มทุนจีนเช่าขายวัตถุมงคล

พศ.แจงมติ มส.ห้ามต่างชาติเช่าพื้นที่วัด เป็นเรื่องเก่า แต่เวียนแจ้ง พศจ.ทั่วประเทศซ้ำ หลังพบวัดปล่อยพื้นที่ให้กลุ่มทุนจีนเช่าขายวัตถุมงคลไม่ถูกต้อง

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม นายอินทพร จั่นเอี่ยม รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา (พศ.) รักษาผู้อำนวยการ พศ.เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ พศ.ได้แจ้งมติมหาเถรสมาคม (มส.) เรื่องกรณีหลอกลวงขายพระเครื่องให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติภายในวัด เวียนไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ทั่วประเทศ ซึ่งมติดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่ เพียงแต่เป็นการแจ้งเวียนเพื่อย้ำมติเดิม ว่าการให้เช่าที่วัดจะต้องเป็นนิติบุคล หรือบุคคลที่เป็นสัญชาติไทยเท่านั้น ถือเป็นการป้องปราม หลังเกิดกรณีวัดเขาชีจรรย์ ที่พบกลุ่มทุนจีนเช่าที่วัด และหลอกให้เช่าซื้อพระเครื่องราคาแพง ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง หากมีวัดใดไปดำเนินการในลักษณะดังกล่าว ถือว่าขัดมติ พศ.จึงได้ย้ำเตือนมติ มส.ไปยัง พศจ.ทั่วประเทศแล้ว

“ที่ผ่านมาพบว่ามีบางวัด จะไม่ทราบมติ มส.เรื่องดังกล่าวจริงๆ อย่างวัดแห่งหนึ่งที่ จ.ภูเก็ต เมื่อทราบมติที่ชัดเจน ก็ได้ยุติให้คนต่างชาติเช่าที่ไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนวัดที่เปิดพื้นที่ให้ชาวต่างชาติเช่าจะผิดกฎหมายบ้านเมืองด้วยหรือไม่นั้น ถ้าเป็นเรื่องทางคณะสงฆ์ ถือว่าไม่ถูกต้อง หากวัดใดทำ ทั้งโดยเจตนา หรือไม่เจตนา ก็ขอให้ยุติ และเท่าที่ทราบส่วนใหญ่ก็ยุติการจำหน่ายวัตถุมงคล และนำวัตถุมงคลที่ไม่ถูกต้องออกจากวัดหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม โดยหลักการ มส.อนุญาตให้จำหน่วยเฉพาะวัตถุมงคลที่มีที่มาจากวัด และวัดรู้เห็นเรื่องการจำหน่าย มีพิธีพุทธาภิเษกชัดเจน เปิดให้เช่าบูชาเป็นรายได้ไปบำรุงวัด ตามราคาที่เหมาะสม เพื่อให้พุทธสาศนิกชนนำไปบูชาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ไม่ใช่ว่ามีบุคคลภายนอกนำวัตถุมงคลที่ไม่มีแหล่งที่มาเข้ามาจำหน่าย ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้องอย่างชัดเจน” นายอินทพร กล่าว

นายอินทพรกล่าวต่อว่า มติดังกล่าวถือว่ามีผลบังคับใช้ทุกวัดทั่วประเทศ โดยวัดส่วนใหญ่จะเปิดให้เช่าวัตถุมงคลในรูปแบบคณะกรรมการ มีพิธีพุทธาภิเษกที่ชัดเจน แต่ประเด็นที่เกิดขึ้นที่วัดเขาชีจรรย์ เกิดจากวัดเปิดให้เช่าอาคารเพื่อจำหน่วยของที่ระลึก แต่มีการลักลอบนำวัตถุมงคลที่ไม่มีที่มาที่ไป มาจำหน่ายในราคาที่แพงเกินสมควร ซึ่งน่าจะเป็นการปล่อยปละละเลยของเจ้าอาวาส

ADVERTISMENT

“แต่โดยหลักการ เจ้าของทรัพย์จะต้องลงไปดูว่าการเช่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่ หากไม่เป็นไปตามข้อตกลง จะต้องยกเลิกสัญญาทันที เพราะถือว่าผิดวัตถุประสงค์การเช่า ทั้งนี้ นอกจากกลุ่มทุนจีนที่เข้าทำธุรกิจดังกล่าวแล้ว ยังไม่พบชาติอื่นที่เข้ามาทำธุรกิจ ส่วนใหญ่จะเป็นการเช่าซื้อเพื่อนำไปบูชา โดยประเทศที่พบว่ามีการเช่าซื้อพระเครื่องจำนวนมากในช่วงนี้ คือ สิงคโปร์ เพราะประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวจีนที่นับถือศาสนาพุทธ นิกายมหายาน” นายอินทพร กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image