ที่มา | คอลัมน์ "เรียนไทยได้จีน" |
---|
เรียนไทยได้จีน : นิทานสุภาษิตจีน (305) 成语故事 (三〇五)
นิทานสุภาษิตจีนที่ “เรียนไทยได้จีน” จะนำเสนอในฉบับนี้คือ 鬼哭狼嚎 guǐ kū láng háo (กุ่ย คู หลาง หาว) โดย คำว่า 鬼 guǐ (กุ่ย) แปลว่า ผี ปีศาจ 哭 kū (คู) แปลว่า ร้องไห้ 狼 láng (หลาง) แปลว่า หมาป่า 嚎 háo (หาว) แปลว่า หอน เห่าหอน เมื่อรวมกันหมายถึง เสียงผีร้องเสียงหมาป่าหอน ใช้เพื่อพรรณนาให้เห็นถึง เสียงร้องไห้โหยหวนที่ฟังดูแล้วทั้งน่าสงสารและน่าสะพรึงกลัว มาดูตัวอย่างจากนิทานสุภาษิตจีนนี้กัน
สงคราม ไม่ว่าในอดีตหรือปัจจุบัน มันก็จะมีแต่ความเสียหายย่อยยับของทั้งสองฝ่ายคู่กรณี มีแต่ความสูญเสียทั้งด้านชีวิต และทรัพย์สิน ดังนั้น นักกลยุทธ์การศึกซุนอู่ (หรือซุนวู) 孙武/孫武 Sūnwǔ จึงกล่าวไว้ว่า ไม่ถึงที่สุดแล้วจงอย่าก่อศึกสงคราม 非危不战/非危不戰 fēi wéi bù zhàn เฟย เหวย ปู้ จ้าน
ในยุครัฐศึก 战国/戰國 Zhànguó จ้านกั๋ว มีเรื่องเล่าว่า มีช่วงหนึ่งที่รัฐเว่ย 魏国/魏國 Wèiguó ได้สุดยอดนักยุทธศาสตร์การศึกสงครามแห่งยุคมาช่วยในการจับทัพออกศึก ทั้งสองคนคือ ผางเจวียน 庞涓/龐涓 Páng Juān ซุนปิ้น 孙膑/孫臏 Sūn Bìn ในช่วงนี้ทำให้รัฐเว่ยเข้มแข็ง และมีอิทธิพลสูงมาก รัฐต่างๆ ที่เหลือต่างก็ครั่นคร้ามรัฐเว่ยยิ่งนัก ผางเจวียนกับซุนปิ้น ทั้งสองเป็นศิษย์จากอาจารย์สำนักเดียวกัน โดยผางเจวียนเป็นศิษย์พี่ ซุนปิ้นเป็นศิษย์น้อง ตั้งแต่สมัยเรียนจนถึงทำงาน ผางเจวียนรู้ตัวดีว่าสติปัญญาของตนสู้ศิษย์ผู้น้องไม่ได้ จึงคิดหาทางกำจัดซุนปิ้นอยู่ในใจตลอดเวลา เมื่อทั้งคู่มารับราชการอยู่ที่รัฐเว่ย ผางเจวียนในฐานะแม่ทัพใหญ่ จึงวางแผนใส่ร้ายซุนปิ้น จนเจ้าผู้ครองนครรัฐเว่ยหลงเชื่อ และได้ลงโทษสถานหนักด้วยการทรมานตัดขาทั้งสองข้างของซุนปิ้น หวังให้ทรมานจนตาย แต่โชคดีที่เหล่าผู้กล้าจากรัฐฉีแอบมาช่วยเหลือซุนปิ้นให้หนีออกจากรัฐเว่ยได้สำเร็จ ซุนปิ้นจึงกลายมาเป็นกุนซือใหญ่แห่งกองทัพรัฐฉี
ครั้งหนึ่งที่รัฐเว่ยเกิดการขัดแย้งกับหานกั๋ว 韩国/韓國 Hánguó (รัฐหาน) กองทัพของรัฐเว่ยภายใต้การนำของผางเจวียนจึงยาตราทัพบุกรัฐหานทันที กองทัพหานมิอาจต้านทานกองทัพภายใต้การนำของผางเจวียนได้ จึงได้ร้องขอรัฐฉีส่งกองทัพมาช่วยเหลือ ซุนปิ้นในฐานะกุนซือใหญ่ของกองทัพฉี จึงวางแผนรบออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งยกไปช่วยรัฐหานโดยตรง อีกส่วนหนึ่งยกไปซุ่มที่ หม่า หลิง 马陵/馬陵 Mǎ líng โดยกำหนดให้กองทัพส่วนแรกรบแล้วต้องแพ้เท่านั้น ดังนั้น เมื่อกองทัพฉีส่วนแรกนี้รบกับกองทัพเว่ยภายใต้การนำของผางเจวียน กองทัพฉีจึงแพ้อย่างราบคาบ และต้องรีบถอยหนีอย่างทุลักทุเล กองทัพผางเจวียนรีบเร่งตามติดหมายจะบดขยี้ทำลายให้สิ้นซาก
(ที่มาภาพ https://image.baidu.com/search)
เมื่อติดตามไปได้ระยะหนึ่ง ผางเจวียนก็จะให้เจ้าหน้าที่ทำการนับหลุมเตาไฟที่ใช้ก่อทำอาหารของกองทัพ ในแต่ละวันที่เดินติดตามทัพฉีนั้น จะพบว่า หลุมเตาไฟทำอาหารของกองทัพฉีจะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ จนหลังๆ มาเหลือไม่ถึงครึ่งของจำนวนเดิมในวันแรกๆ ทำให้ผางเจวียนยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจว่า ทหารในกองทัพฉีกำลังลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ก็เหลือทหารไม่ถึงครึ่งหนึ่งแล้ว ยิ่งมั่นใจเพิ่มขึ้นว่าตนเองจะบดขยี้กองทัพฉีที่กำลังแตกซ่านนี้ให้สิ้นได้ จึงสั่งกองทัพทั้งหมดแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ส่วนมากเป็นทหารม้าทั้งหมด โดยผางเจวียนบัญชาการรบด้วยตัวเอง กองทัพม้าทั้งหมดเคลื่อนพลอย่างรวดเร็ว แต่ก็ขาดความระมัดระวัง เพราะความใจร้อนที่หมายจะไล่ให้ทันในเร็ววัน
ดังนั้น เมื่อกองทัพของผางเจวียนเคลื่อนพลเข้ามาถึงบริเวณหม่า หลิง จึงได้ถูกกองทัพที่สองของรัฐฉีซึ่งคอยตั้งรับรออยู่แล้ว ล้อมไว้หมดทุกด้าน การสู้รบดำเนินไปอย่างดุเดือด และสุดท้ายกองทัพส่วนหน้าของผางเจวียนก็ถูกทำลายสิ้น ตัวผางเจวียนเองก็ปลิดชีพตัวเอง มีการร่ำลือว่าก่อนเขาสังหารตัวเองนั้น เขาร่ำไห้เสียใจอยู่ในหุบเขาเป็นเวลานาน เสียงร้องไห้โหยหวนนั้นดังกึกก้องไปทั่วหุบเขา ใครได้ยินได้ฟังทั้งรู้สึกสงสาร และรู้สึกวังเวงน่ากลัว
ข้อคิดจากประโยคสุภาษิตนี้
成语比喻:大声哭叫,声音凄厉。
成語比喻:大聲哭叫,聲音淒厲。
Chénɡyǔ bǐyù: Dàshēng kū jiào, shēngyīn qīlì.
เฉิงยหวี่ ปี่ยวี่: ต้าเฌิง คู เจี้ยว, เฌิงอิน ชีลี่
สุภาษิตเปรียบว่า ร้องไห้เสียงดังแฝงไปด้วยความเศร้าโศกทุกข์ระทม
ประโยคตัวอย่างที่ใช้สำนวนสุภาษิตนี้ เช่น
每天夜里大家都能听到如同鬼哭狼嚎般的痛苦声音,原来这个邻居最近失业了,爱人也离他而去。真的很可怜啊!
每天夜裏大家都能聽到如同鬼哭狼嚎般的痛苦聲音,原來這個鄰居最近失業了,愛人也離他而去。真的很可憐啊!
Měitiān yèlǐ dàjiā dōu néng tīng dào rútóng guǐkūlángháo bān de tòngkǔ shēngyīn, yuánlái zhège línjū zuìjìn shīyè le, àirén yě lí tā ér qù. Zhēn de hěn kělián ɑ!
เหม่ยเทียน เย่หลี่ ต้าเจีย โตว เหนิง ทิง ต้าว หรูโถง กุ่ยคูหลางหาว ปาน เตอะ โท่งขู่ เฌิงอิน, หยวนหลาย เจ้อเกอะ หลินจวี จุ้ยจิ้น ฌือเย่ เลอ, อ้ายเหริน เหย่ หลี ทา เอ๋อร์ ชวี่. เจิน เตอะ เหิน เข่อเหลียน อะ
ในทุกๆคืน ทุกคนจะได้ยินเสียงร้องไห้โหยหวนอย่างน่าเวทนา ความจริงก็คือเพื่อนบ้านรายนี้เพิ่งตกงานและคนรักก็ทิ้งเขาไป ช่างน่าสงสารจริงๆ!