พบข้อมูลใหม่โลงผีแมน สืบดีเอ็นเอ 1,700 ปี ศ.ดร.รัศมี นำทีมแถลงใหญ่พรุ่งนี้
เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มหาวิทยาลัยศิลปากร เตรียมจัดงานแถลงข่าวหัวข้อ ‘โลงผีแมน ข้อมูลใหม่ สู่การถอดรหัส สืบรากมนุษย์ยุคโบราณ 1,700 ปี การบูรณาการศาสตร์ ด้านสังคมศาสตร์ มนุษย์ศาสตร์ กับวิทยาศาสตร์’ ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่ท้องพระโรง หอศิลป์ ม.ศิลปากร วังท่าพระ เวลา 10.00 น. โดยสืบเนื่องจากการค้นพบข้อมูลใหม่ในประเด็นดังกล่าว โดยล่าสุดได้รับการตีพิมพ์จากวารสารดังระดับโลกที่มีผลกระทบสูงมากทั้งทางวิชาการและสังคม หลังร่วมกับสถาบันดังของโลกในเยอรมนีร่วมกันศึกษาดีเอ็นเอโบราณของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ในป่าเขตร้อนจนได้ข้อมูลใหม่มนุษย์โบราณในประเทศไทยอายุกว่า 1,700 ปี นับเป็นต้นแบบการศึกษาด้านมนุษย์โบราณและวัฒนธรรมโลงไม้สำหรับพื้นที่อื่นๆ ในอาเซียนและเอเชียตะวันออก
ศ.ดร.รัศมี ชูทรงเดช ผู้เชี่ยวชาญโบราณคดีบนพื้นที่สูงและริเริ่มการขุดค้นแหล่งโบราณคดีใน จ.แม่ฮ่องสอน มากกว่า 20 ปี เตรียมเปิดเผยถึงผลงานวิจัยโครงการ ‘มนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์กับพลวัตทางวัฒนธรรมบนพื้นที่สูงในอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน’ ที่ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ล่าสุดในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ Nature Communications ซึ่งเป็นวารสารชั้นนำของโลกที่มีปัจจัยผลกระทบสูง โดยนำเสนอข้อค้นพบใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยมีรายงานมาก่อนในวงวิชาการทั้งด้านโบราณคดีและพันธุศาสตร์ เช่น ผลลำดับเบสที่สมบูรณ์ของตัวอย่างโบราณในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ และโครงสร้างและปฏิสัมพันธ์ของคนโบราณที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมโลงไม้ อันเป็นต้นแบบการศึกษาด้านมนุษย์โบราณและวัฒนธรรมโลงไม้สำหรับพื้นที่อื่นๆ ในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ผลงานวิจัยดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ภายใต้ทุนส่งเสริมกลุ่มวิจัย (เมธีวิจัยอาวุโส) โดยคณะวิจัยจากสหสาขาได้ร่วมกันสำรวจและขุดค้นพบชิ้นส่วนมนุษย์โบราณและร่องรอยของวัตถุทางวัฒนธรรมภายในโลงไม้ภายในถ้ำและเพิงผาต่างๆ บนพื้นที่สูง เขตอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่มีอายุเก่าแก่ราว 2,300 ถึง 1,000 ปีมาแล้ว ซึ่งนอกจากจะใช้ข้อมูลด้านโบราณคดีแล้วยังจำเป็นต้องบูรณาการความรู้เพื่อให้นักวิชาการได้ข้อมูลของคนในอดีต รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างคนและสิ่งแวดล้อมอย่างลุ่มลึก
ศ.ดร.รัศมีกล่าวว่า งานวิจัยดังกล่าวช่วยขยายพรมแดนความรู้เรื่องเส้นทางและละลอกของการเคลื่อนย้ายของคนโบราณยุคก่อนประวัติศาสตร์ ในช่วง 1700 ปีมาแล้ว โดยพบว่าคนโบราณที่อำเภอปางมะผ้าอยู่ในสมัยเหล็ก มีพันธุกรรมที่คล้ายกับประชากรโบราณในสมัยหินใหม่จาก 2 พื้นที่ คือที่ราบลุ่มแม่น้ำแยงซีและที่ราบลุ่มแม่น้ำเหลืองของประเทศจีน ซึ่งแตกต่างจากคนโบราณในแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงสมัยสำริด อันเนื่องจากเส้นทางอพยพเคลื่อนย้ายของผู้คนในอดีตที่แตกต่างกัน การเคลื่อนย้ายของคนโบราณในภาคเหนือจะผ่านทางลุ่มแม่น้ำสาละวินในเขตพื้นที่สูงด้านตะวันตกของไทย ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออาจจะผ่านมาทางแม่น้ำด้านตะวันออกได้แก่แม่น้ำแดงและแม่น้ำโขง
“การศึกษาครั้งนี้ยังเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ใช้ข้อมูลดีเอ็นเอเพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมของโบราณที่อาศัยอยู่ในถ้ำเดียวกันและระหว่างถ้ำในพื้นที่ใกล้เคียงกัน ทั้งยังสะท้อนถึงโครงสร้างของประชากรโบราณที่มีขนาดใหญ่ มีปฏิสัมพันธ์กันในพื้นที่ และความสัมพันธ์ทางเครือญาติมีความสำคัญต่อพิธีกรรมการฝังศพของคนในชุมชน โดย ดร.เซลิน่ากล่าวว่าดีเอ็นเอโบราณทำให้เข้าใจการปฏิสัมพันธ์ของชุมชนในอดีต ชีวิตประจำวัน และความสัมพันธ์ของผู้คนในระดับภูมิภาคได้” ศ.ดร.รัศมีกล่าว
ด้านนักวิจัยร่วมโครงการประกอบด้วย รศ.ดร.วิภู กุตะนันท์ นักพันธุศาสตร์จากมหาวิทยาลัยนเรศวร ผู้ซึ่งสนใจศึกษาดีเอ็นเอในกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย และทีมนักวิจัยนานาชาติของสถาบันวิจัย Max Planck Institute for Evolutionary anthropology ประเทศเยอรมนี นำโดย ดร.เซลิน่า คาร์ลฮอฟ ซึ่งได้ศึกษาดีเอ็นเอที่หลงเหลืออยู่ในชิ้นส่วนกระดูกและฟันโบราณ จำนวน 33 ชิ้น อายุกว่า 1,700 ปี ที่พบภายในแหล่งโบราณคดีประเภทถ้ำของวัฒนธรรมโลงไม้บนพื้นที่สูงในอำเภอปางมะผ้า โดยการสกัดดีเอ็นเอโบราณได้ในสภาพแวดล้อมแบบป่าเขตร้อน ซึ่ง รศ.ดร.วิภูระบุว่า การศึกษาดีเอ็นเอโบราณในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีโอกาสประสบความสำเร็จค่อนข้างยาก เนื่องจากสภาพแวดล้อมมีอากาศแบบร้อนและชื้น เป็นปัจจัยเกิดการเสื่อมสลายของดีเอ็นเอในตัวอย่างโบราณ และในปัจจุบันมีรายงานการศึกษาดีเอ็นเอโบราณในภูมิภาคเอเชียตะออกเฉียงใต้จำกัด มีผลการศึกษาที่ไม่สมบูรณ์มากนักจากตัวอย่างเพียงไม่กี่ชิ้น เช่น จากแหล่งโบราณบ้านเชียงที่มีเพียง 2 ชิ้น ดังนั้นผลการศึกษาครั้งนี้จึงเป็นผลการศึกษาดีเอ็นเอโบราณที่สมบูรณ์ที่สุด ณ ปัจจุบัน ในแง่ของจำนวนตัวอย่างและคุณภาพของดีเอ็นเอที่ได้