ธงทอง ยันที่ดินอุเทนถวายเป็นของจุฬา ชี้เป็นแค่ผู้เคยเช่าเท่านั้น หมดสัญญาแล้วไม่ยอมออก

ธงทอง ขอพูดบ้าง ยันที่ดินอุเทนถวายเป็นของจุฬา ไร้หลักฐานโยงมีกรรมสิทธิ์ ชี้เป็นแค่ผู้เคยเช่าเท่านั้น แถมหมดสัญญาไปนานแล้วแต่ไม่ยอมออกจากพท.

จากกรณีที่นักเรียนเก่าอุเทนถวายไม่ยอมย้ายพื้นที่ไปอยู่ที่อื่นที่มีการจัดให้เพื่อแก้ปัญหา 2 สถาบันตีกัน แม้ศาลจะสั่งให้ออกจากพื้นที่แล้วก็ตาม พร้อมอ้างว่าพื้นที่ดังกล่าวได้รับพระราชทานมาตั้งแต่ในอดีตให้สร้างวิทยาลัยก่อสร้างแห่งแรกของประเทศไทยนั้น

ล่าสุด นายธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (นายเศรษฐา ทวีสิน) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ความว่า “ก่อนหน้านี้ ผมไม่เคยออกความคิดเห็นเรื่องที่ตั้งวิทยาเขตอุเทนถวายซึ่งอยู่ในพื้นที่ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ถึงเวลานี้เห็นใครต่อใครก็พูดเรื่องนี้กันให้ขรมไป ถ้าผมจะพูดบ้าง คงไม่เป็นไรนะครับ

1.ผมเคยทำหน้าที่ผู้อำนวยการหอประวัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอยู่นานสิบกว่าปี ได้ค้นคว้าเอกสารและผ่านตาเอกสารเกี่ยวกับที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาครบทุกชิ้น ไม่ปรากฏหลักฐานใดว่า “อุเทนถวาย” ได้รับพระราชทาน ได้รับโอน หรือมีกรรมสิทธิ์ด้วยประการหนึ่งประการใดในที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของอุเทนถวายในปัจจุบัน มีแต่เพียงสัญญาเช่า ซึ่งครบกำหนดไปนานปีแล้วและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไม่ได้ต่อสัญญาเช่าให้อีก

ADVERTISMENT

2.อุเทนถวายมีข้อโต้เถียงในเรื่องกรรมสิทธิ์ และนำคดีขึ้นสู่ศาล คดีถึงที่สุดว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นเจ้าของแปลงนี้

3.ผมจำวันเวลาที่แน่นอนไม่ได้ แต่ได้มีการเจรจาตกลงและทำบันทึกความเข้าใจร่วมกันระหว่างอุเทนถวายกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่าอุเทนถวายจะย้ายการเรียนการสอนไปยังสถานที่ใหม่ แต่ในทางปฏิบัติแล้วเหตุการณ์ดังกล่าวก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง

ADVERTISMENT

4.เรื่องเหตุกระทบกระทั่งระหว่างอุเทนถวายกับสถาบันการศึกษาอีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ห่างไกลกัน มีมาช้านาน และมีความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเกิดขึ้นต่อเนื่อง บางคราวประชาชนคนธรรมดาก็ถูกลูกหลง บาดเจ็บล้มตายไปกับเขาด้วย

5.ผมได้ทราบจากข่าวสารสาธารณะว่า กระทรวงอุดมศึกษามีแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาที่ยืดเยื้อมายาวนาน โดยการให้สถาบันการศึกษาที่ชื่อ อุเทนถวาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก ยังคงรับนักศึกษาปีที่หนึ่งในปีการศึกษาหน้าที่จะถึงนี้ โดยให้ไปจัดการเรียนการสอนในวิทยาเขตหรือสถานที่อื่นซึ่งไม่ใช่พื้นที่ปทุมวัน ซึ่งมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุดชี้ขาดมานานปีแล้วว่าเป็นที่ดินของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

6.การดำเนินการตามข้อ 5 ข้างต้น นักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งย่อมอยู่ในฐานะที่จะได้รับทราบตั้งแต่ต้นแล้วว่า เมื่อตนเข้าไปเป็นนักศึกษา จะมีสถานที่เรียนอยู่ที่ใด เป็นการรับทราบข้อมูลล่วงหน้า ทำให้มีข้อมูลที่เพียงพอสำหรับการตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาในสถาบันแห่งนี้

7.มีบางเสียงอภิปรายกล่าวอ้างว่า หากอุเทนถวายไม่อยู่ที่ปทุมวันแล้ว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะนำที่ดินไปจัดผลประโยชน์หรือทำธุรกิจ ผมเห็นว่าข้อเถียงดังกล่าวเป็นการหลงประเด็น หลงตรรกะ

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ย่อมมีความชอบธรรมที่จะนำที่ดินดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ได้ตามที่เห็นสมควร จากความรู้ส่วนตัวของผม พื้นที่ตรงนี้อยู่ในแผนการใช้ที่ดินเพื่อประโยชน์ในการศึกษามานมนานแล้ว แต่ถ้าในวันข้างหน้า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคิดจะปรับแผนไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น ก็เป็นเรื่องที่ประชาคมจุฬาฯ รวมตลอดถึงประชาชนจะสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ เพราะจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของผู้หนึ่งผู้ใด ถ้ามีเรื่องทุจริตคิดมิชอบเกิดขึ้น ไม่ต้องเดือดร้อนถึงคนอื่นหรอกครับ เพียงแค่คนในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งนิสิตเก่าและนิสิตปัจจุบัน เขาย่อมไม่ยอมอยู่นิ่งอย่างแน่นอนครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image