ศธ.เล็งทำระเบียบ’ร.ร.ดัง’สอนออนไลน์ เร่งจัดทำแพลตฟอร์ม-เฟ้นสื่อคุณภาพ ลดเหลื่อมล้ำ

แฟ้มภาพ

เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะโฆษก ศธ. เปิดเผยว่า ตามที่ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มีแนวคิดให้โรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง หรือโรงเรียนดัง เช่น โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จัดทำคลิปวิดีโอการสอน เพื่อให้เด็กใช้ในการทบทวนความรู้ และเปิดโอกาสให้เด็กจากโรงเรียนอื่นๆ ได้มีโอกาสมาเรียนกับครูเก่งๆ ด้วย ซึ่งอนาคตหากเด็กสามารถสอบผ่านการประเมินของโรงเรียนก็ให้ถือว่าจบการศึกษาจากโรงเรียนต้นทางเช่นเดียวกัน โดยแนวทางดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา หรือ Anywhere Anytime นั้น ศธ.ได้ดำเนินการของบประมาณในปี 2567 และ 2568 เพื่อดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว ซึ่งรัฐมนตรีว่าการ ศธ.จะให้ความสำคัญกับการจัดทำแพลตฟอร์มที่จะใช้ในการเรียนการสอน เพราะเป็นแหล่งรวมและแลกเปลี่ยนความรู้ รวมไปถึงเป็นสิ่งที่จะลดความเหลื่อมล้ำของการเข้าสู่ข้อมูลทางการศึกษาระหว่างเด็กในเมืองและเด็กในชนบท แต่ก็ค่อนข้างมีความกังวลเนื่องจากถูกตัดงบไปค่อนข้างมาก ดังนั้น ศธ.จะขอแปรญัตติให้ครอบคลุม คาดว่าจะสามารถทดลองใช้นโยบายนี้ได้ในเดือนมกราคม พ.ศ.2568

นายสิริพงศ์กล่าวต่อว่า สำหรับการนำสื่อจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยมานำร่องใช้ในแพลตฟอร์มนั้น เนื่องจากทางโรงเรียนสวนกุหลาบฯมีการพัฒนาในด้านสื่อการเรียนการสอนไปไกล และ ศธ.เล็งเห็นถึงประโยชน์ในด้านสื่อเหล่านี้ ประกอบกับแนวทางของ พล.ต.อ.เพิ่มพูน คือต้องการให้โรงเรียนที่มีคุณภาพแบ่งปันทรัพยากรสู่โรงเรียนอื่นๆ ด้วย ซึ่งในตอนนี้ยังมีการพูดคุยกับโรงเรียนอื่นๆ อีกหลายแห่ง และได้มีการรวบรวมสื่อที่มีอยู่ของ ศธ.ทั้งหมดกว่า 200,000 รายการมาคัดเลือกจนเหลือประมาณ 20,000 รายการ ซึ่งอาจจะนำมาเรียงร้อยเป็นหลักสูตรทันทีนั้นคงไม่ได้ แต่ก็สามารถนำมาใช้เป็นสื่อเสริมในการเรียนการสอนได้

“ในเรื่องของเด็กที่ต้องการสอบเทียบเพื่อรับวุฒิการศึกษา หลังจากเรียนออนไลน์หลักสูตรของโรงเรียนที่ต้องการมาแล้วนั้น มีแนวโน้มว่าจะเป็นไปได้ในอนาคต ซึ่งต้องมีการจัดทำระเบียบมารองรับเพื่อให้เกิดการยอมรับจากทุกฝ่าย และอาจมีการกำหนดให้โรงเรียนที่อัตราการแข่งขันสูงเปิดห้องเรียนออนไลน์ ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการดูแนวทางที่เหมาะสมในทางปฏิบัติ ศธ.จะไม่ได้ไปขัดขวางทางเลือกการเรียนแบบเดิม แต่จะเป็นการไปเพิ่มช่องทางการเรียนแบบใหม่เข้ามาแทนเพื่อให้ผู้เรียนมีทางเลือกที่มากขึ้น เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าการเรียนในห้องเรียนเด็กยังสามารถพบปะเพื่อนฝูง ทำให้รู้จักการเข้าสังคม ซึ่งเรื่องเหล่านี้คงจะสามารถทำได้ยากหากเรียนออนไลน์ แต่การเรียนออนไลน์นั้นจัดทำขึ้นเพื่อลดข้อจำกัดและความต้องการที่ต่างออกจากการศึกษาแบบเดิมที่มีมาอยู่แล้ว” นายสิริพงศ์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image