ที่มา | รายงาน |
---|---|
ผู้เขียน | เตชิต เสาะแสวง |
หลวงปู่ทวด เป็นพระเกจิดัง เจ้าของตำนาน “หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด” ที่มีผู้ศรัทธาจำนวนมาก หลายคนนิยมไปกราบสักการะหลวงปู่ทวดที่วัดช้างให้ จ.ปัตตานี แต่น้อยคนนักจะรู้ว่าเส้นทางธรรมของหลวงปู่ทวดนั้น ยังมีอีกหลายวัดที่เป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญ…
กรมการศาสนา (ศน.) กระทรวงวัฒนธรรม จัดกิจกรรม “ตามรอยเส้นทางธรรมแห่งศรัทธา : เส้นทางสักการะพระเถราจารย์ หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด” สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ พาสายบุญเดินทางย้อนตำนานพระเกจิดัง ตามเส้นทางธรรม 4 วัดในจังหวัดสงขลา นำโดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการ วธ. พร้อมด้วย นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดี ศน. นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสงขลา
เริ่มจาก วัดต้นเลียบ จ.สงขลา อันเป็นสถานที่ฝังรกของหลวงปู่ทวด ตามตำนานกล่าวว่า หลวงปู่ทวดเป็นบุตรของนายหู นางจันทร์ ขณะเกิดมีเหตุอัศจรรย์ คือ เกิดฟ้าร้องฟ้าผ่าแผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่น เสมือนหนึ่งว่ามีผู้มีบุญญาธิการมาเกิด เมื่อตัดรกจากสายสะดือแล้ว นายหูได้นำรกของไปฝังไว้ที่โคนต้นเลียบ ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดต้นเลียบในปัจจุบัน และเชื่อกันว่าการมากราบไหว้ที่นี่จะเสริมสิริมงคลด้าน “รากฐานชีวิตที่มั่นคง”
ไปกันต่อที่ วัดดีหลวง ซึ่งเป็นสถานที่ที่หลวงปู่ทวดได้บวชเรียนเมื่ออายุ 14 ปี ที่นี่เป็นสถานที่ศึกษาและฝึกฝนวิชาต่างๆ ภายใต้การดูแลของสมภารจวง อดีตเจ้าอาวาส การกราบไหว้ที่วัดดีหลวงเชื่อว่าจะเสริมสิริมงคลด้าน “การงาน การเรียน และการเงิน”
สำนักสงฆ์นาเปล ซึ่งมีตำนานเล่นว่า ตอนหลวงปู่ทวดยังเป็นทารกอยู่มี “พญางูจงอาง” หรือที่ภาษาปักษ์ใต้เรียกว่า “งูบองหลา” แสดงกฤษดาภินิหาร โดยการเข้าไปพันโอบล้อมรอบเปลใต้ต้นเม่าที่หลวงปู่ทวดในวัยทารกหลับอยู่ แล้วคาย “ลูกแก้ววิเศษ” มอบไว้ โดยที่ไม่ทำอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น จึงเกิดเป็นภาพจำที่หลวงปู่ทวดมักมี “ลูกแก้ว” ปรากฏอยู่ด้วยเสมอ
และปิดท้ายที่ วัดราชประดิษฐาน หรือ วัดพะโคะ สถานที่ที่หลวงปู่ทวดเคยจำพรรษาและมีการบูรณปฏิสังขรณ์ รวมถึงมีโบราณสถานที่สำคัญ เช่น พระสุวรรณมาลิกเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุ ที่หลวงปู่ทวดได้นำลูกแก้วคู่บารมีมาบรรจุไว้บนยอดเจดีย์ รวมไปถึงบ่อน้ำซักจีวรที่เชื่อว่ามีพลังในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ และวิหารรอยพระบาทที่หลวงปู่ทวดแสดงอิทธิปาฏิหาริย์
บริเวณนั้นยังมี “ต้นยางศักดิ์สิทธิ์” ที่เล่ากันว่าแต่ก่อนลำต้นมีลักษณะตรงเป็นปกติ ต่อมาลำต้นกลับคดงอคล้ายไม้เท้า 3 คด ซึ่งกลายเป็น “ไม้เท้า” ที่หลวงปู่ทวดใช้ในการออกธุดงค์ ซึ่งไม้เท้าถูกจัดเก็บไว้ภายในวัดอีกด้วย ภายในวัดยังมีรอยเท้าอยู่บนแผ่นหิน เชื่อกันว่าเป็น “รอยเท้า” ที่หลวงปู่ทวดตั้งใจประทับไว้ เพื่อให้เป็นอนุสรณ์แทนตัวท่าน และยังมีหลักช้างที่ไว้ใช้ผูกช้างศึกเจ้าเมืองสทิงพระ สมัยอยุธยาตอนปลาย อายุประมาณ 400 ปี พบเมื่อปี 2537 วัดพะโคะจึงถือเป็นวัดคู่บารมีหลวงปู่ทวดเช่นเดียวกับวัดช้างให้เลยทีเดียว
เรื่องราวของหลวงปู่ทวดยังเป็นถึงกล่าวขานไปถึงประเทศมาเลเซีย โดยในตอนที่รัฐเกอดะฮ์ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของมาเลเซีย เป็นแผ่นดินของไทยที่มีชื่อว่าไทรบุรี หลวงปู่ทวดได้เดินทางไปแสวงบุญก่อนที่จะมรณภาพ กล่าวกันว่าจุดที่หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลมรณภาพ คือ บริเวณริมฝั่งน้ำสไหงบ๊ะบรรจบกับลำน้ำสไหงเกอร์นาริงค์ ช่วงที่มีการเคลื่อนสรีรสังขารหลวงปู่ทวดไปยังวัดช้างให้ ระหว่างทางต้องมีการแวะพัก ทำให้สถานที่ที่สรีรสังขารเคลื่อนผ่านกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จนถึงปัจจุบัน
แม้ตำนานเกี่ยวกับหลวงปู่ทวดจะยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่นำไปสู่การสร้างวัดสถานที่สักการะ เป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชน ขณะเดียวกันยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้ชุมชน
เป็นอีกหนึ่ง “เส้นทางธรรมแห่งศรัทธา” ที่สายบุญไม่ควรพลาด …
สำหรับปี 2567 ศน.ร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยขับเคลื่อนการท่องเที่ยวมิติศาสนา 5 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางสักการะพระธาตุประจำปีเกิดจังหวัดเชียงใหม่, เส้นทางสักการะพระเถราจารย์ หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด จังหวัดสงขลา, เส้นทางสักการะ 4 ครูบา 5 พระเจ้า 9 พระธาตุ จังหวัดน่าน, เส้นทางตามรอยพระเถราจารย์ สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต (โต พรหมรังสี) จ.พระนครศรีอยุธยา และเส้นทาง 9 ทางเชื่อมแห่งศรัทธา นาคา-นาคี จ.อุดรธานี