ว.บริหารธุรกิจฯ มธบ.เปิดห้องเรียนการจัดการโลจิสติกส์สีเขียว ปั้นคนรุ่นใหม่
ดร.คุณากร วิวัฒนากรวงศ์ รองคณบดี วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) หรือ DPU เปิดเผยว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากศักยภาพด้านภูมิรัฐศาสตร์การเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของ 10 ประเทศในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่มีประชากรรวมกันประมาณ 600 ล้านคน สอดรับกับข้อมูลจาก Euromonitor ได้คาดการณ์มูลค่าค้าปลีกอีคอมเมิร์ซของไทยไว้ที่ 4.24 แสนล้านบาท ในปี 2565 และจะขยายตัวเป็น 9.06 แสนล้านบาทในปี 2569
“การเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซ จะมีโลจิสติกส์เปรียบเป็นกระดูกสันหลังที่สำคัญ และเป็นส่วนที่ส่งผลต่อความ สำเร็จ หรือล้มเหลวของธุรกิจ ทั้งในปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งไม่ใช่แค่อีคอมเมิร์ซเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงธุรกิจต่างๆ ด้วย นอกจากนี้ โลจิสติกส์ ยังเป็น 1 ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต ดังนั้น เป้าหมายหลักของ CIBA จึงให้ความสำคัญการพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่ เพื่อเข้าไปเป็นกำลังสำคัญในธุรกิจโลจิสติกส์และโซ่อุปทานในอนาคต” ดร.คุณากร กล่าว
ดร.คุณากรกล่าวต่อว่า CIBA จึงเปิดห้องเรียนหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน เน้นเรียนรู้แนวแอคทีฟ เสริมทักษะความรู้ผ่านเกม เส้นทางการปั้นนักบริหารคลังสินค้าและการวิเคราะห์ข้อมูลทางโลจิสติกส์ ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่ หลักสูตรนี้สอนโดยอาจารย์ที่มีประสบการณ์ เน้นการเรียนการสอนให้คิด วิเคราะห์ และลงมือทำจริง ผ่านการจำลองสถานการณ์ทางโลจิสติกส์จากเกมมอนซูนซิม (MonsoonSIM Business Simulation) ที่นักศึกษาแม้ไม่มีความรู้พื้นฐานก็สามารถเข้าใจ และสนุกไปกับการเรียนในรูปแบบนี้
“แรกๆ นักศึกษามองภาพไม่ออกว่าโลจิสติกส์คืออะไร อาจคิดว่าเป็นแค่การขนส่ง แต่จริงๆ แล้วงานด้านโลจิสติกส์ เป็นการบริหารจัดการหลังบ้านของธุรกิจทั้งหมด ตั้งแต่ซื้อสินค้าเข้ามาจนถึงส่งถึงมือลูกค้า โดยในเกมจะมอบเงินตั้งต้นให้ เช่น 3.5 ล้านบาท ที่จะนำไปใช้บริหารงานแต่ละส่วน เช่น จัดการสต็อกสินค้า ขนส่งสินค้าถึงมือลูกค้าได้ภายในวันที่กำหนด การจัดซื้อกับเวนเดอร์ สินค้าล็อตไหนจ่ายก่อน จ่ายหลัง รวมถึง การค้นหา และจัดซื้อข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์คู่แข่ง กระบวนการเรียนรู้ดังกล่าวมานี้ จะทำให้ผู้เรียนเข้าใจง่ายขึ้น ซึ่งนำไปสู่การคิดและวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ” ดร.คุณากร กล่าว

ดร.คุณากรกล่าวต่อว่า ขณะที่การเรียนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับการจัดการโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทาน นักศึกษาจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบบริหารทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning – ERP) ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการข้อมูลในทุกแผนกขององค์กรอย่างบูรณาการ โดยนักศึกษาจะได้ทำความเข้าใจกระบวนการทำงานของระบบ ERP ตั้งแต่การเก็บข้อมูล การประมวลผล และการนำเสนอข้อมูลที่เชื่อมโยงกันระหว่างส่วนงานต่างๆ การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างแผนก เมื่อมีการสร้างใบเซลล์ออเดอร์ (Sales Order) ระบบ ERP จะทำงานเชื่อมโยงข้อมูลไปยังแผนกการผลิตและคลังสินค้าเพื่อวางแผนจัดเตรียมสินค้า การติดตามสถานะสินค้าและคำสั่งซื้อ ระบบช่วยให้นักศึกษาสามารถตรวจสอบการไหลของวัตถุดิบและสินค้าได้แบบเรียลไทม์ ตั้งแต่กระบวนการรับเข้า การจัดเก็บ ไปจนถึงการจัดส่ง การวางแผนทรัพยากร นักศึกษาจะได้ฝึกการใช้งานโมดูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารทรัพยากร และระบบธุรกิจอัจฉริยะ (Business Intelligent) พร้อมกันนี้ในส่วนของรายวิชาการจัดการคลังสินค้า ทำให้เรียนรู้การไหลของวัตถุดิบ ตั้งแต่การรับสินค้า (Receiving) การจัดเก็บ (Storage) และการเบิกจ่ายสินค้า (Picking and Packing) ด้วยเทคโนโลยี
“นอกจากนี้ ยังมีรายวิชาการวิเคราะห์และการตัดสินใจด้านโลจิสติกส์ และอุปทาน ซึ่งสอนเป็น Excel มีการนำข้อมูลมาวิเคราะห์ได้อย่างถูกต้อง และแม่นยำ ซึ่งแนวทางการสอนภายใต้หลักสูตรนี้มีเป้าหมายบ่มเพาะ และพัฒนานักศึกษาให้มีทักษะการวิเคราะห์โลจิสติกส์ และบริหารคลังสินค้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจในปัจจุบัน และอนาคต” ดร.คุณากร กล่าว
ดร.คุณากรกล่าวอีก นอกจากความรู้ทางวิชาการแล้ว การปรับหลักสูตรให้ทันสมัยตามแนวโน้มใหม่ๆ ของอุตสาหกรรมก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อจากนี้โลจิสติกส์ที่เน้นความยั่งยืนจะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการทำธุรกิจ นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล แนวคิดการลด คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) ในกระบวนการโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทานกำลังได้รับความสำคัญมากขึ้น โดยองค์กรต่างๆ เริ่มนำระบบติดตาม และวิเคราะห์ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในแต่ละขั้นตอนมาใช้ เพื่อหาแนวทางลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
“หลักสูตรบริหารธุรกิจการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน ได้ปรับปรุงให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงาน และแนวโน้มอุตสาหกรรมในอนาคต โดยบูรณาการองค์ความรู้เกี่ยวกับโลจิสติกส์สีเขียว (Green Logistics) การลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการวางแผน และบริหารจัดการ รวมถึง การพัฒนาทักษะด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและการบริหารความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้ผู้เรียนสามารถปรับตัว และนำความรู้ไปใช้ได้จริงในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว” ดร.คุณากร กล่าว