จ่อชงครม. อุ้มครูล้มละลาย ไม่ต้องออกจากราชการ ชี้แค่คดีแพ่งไม่ใช่การทุจริต ไฟเขียวแก้ระเบียบเช็กเครดิตก่อนกู้ หวังมีเงินใช้เพียงพอ
เมื่อวันที่ 3 เมษายน นายสุรศักดิ์ พันธุ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาของ ศธ.ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการแก้ไขระเบียบ ศธ.ว่าด้วย การพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของข้าราชการครูและบุคลากรในสังกัด ที่ประสงค์ใช้สิทธิในการกู้เงินหรือขอสินเชื่อจากสหกรณ์หรือสถาบันการเงิน พ.ศ.2551 ซึ่งแม้ว่าระเบียบฉบับนี้จะเป็นระเบียบที่ดี แต่ศาลปกครองสูงสุดมีคำตัดสินระบุว่าระเบียบดังกล่าว มีข้อขัดแย้งกับ พ.ร.บ.สหกรณ์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2562
“ดังนั้นที่ประชุมจึงมีมติปรับแก้ไขระเบียบดังกล่าวใหม่ให้เป็นปัจจุบัน และสอดคล้องกับพ.ร.บ.สหกรณ์ฯ โดยการวางแนวทางของร่างระเบียบฉบับใหม่นั้น ผู้ที่ขอกู้เงินจะต้องไปเช็กเครดิตตัวเองมาก่อนว่ามีการกู้เงินซ้ำซ้อนจากแหล่งเงินกู้ไหนหรือไม่ เพราะเรื่องเครดิตเป็นสิทธิส่วนบุคคล เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาได้พิจารณาอนุมัติปล่อยกู้ได้ โดยครูจะได้ทราบศักยภาพของตัวเองว่ามีกำลังชำระหนี้ได้มากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่กู้จนเป็นหนี้สินเกินตัว ที่สำคัญจะได้มีเงินเดือนเหลือใช้เพียงพอ” นายสุรศักดิ์ กล่าว
นายสุรศักดิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้ติดตามประเด็นกฎหมายล้มละลาย โดยจะเปิดโอกาสให้กลุ่มข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษาที่เมื่อโดนฟ้องล้มละลายแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องให้ออกจากราชการ เนื่องจากเป็นเรื่องการดำเนินคดีทางแพ่งไม่ใช่คดีของการทุจริตสามารถมีหลักค้ำประกันได้ ซึ่งประเด็นนี้อยู่ระหว่างการจัดทำประชาพิจารณ์และรับฟังความเห็นอยู่ เมื่อได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้วจากนั้น พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการศธ. จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอความเห็นชอบต่อไป
“เท่าที่ทราบ ขณะนี้มีครูส่วนหนึ่งกำลังจะถูกฟ้องล้มละลาย จากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ดังนั้นที่ประชุมจะทำหนังสือไปถึงธอส.ขอให้ชะลอการฟ้องล้มลายออกไปก่อน เพื่อกันครูให้ได้รับสิทธิ ไม่ต้องโดนให้ออกจากราชการ ทั้งนี้ที่ประชุมยังได้เห็นชอบให้ทำหลักสูตรการเงินบรรจุไว้ในหลักสูตรการเรียนการสอน เพื่อให้นักเรียได้เรียนรู้ และรู้จักวิธีการออมเงินอีกด้วย” นายสุรศักดิ์ กล่าว
