‘บิ๊กอุ้ม’ห่วงมะกันขึ้นภาษีกระทบผปค. หวั่นภาวะเงินเฟ้อ แนะวางแผนใช้จ่าย ตั้งคณะทำงานปรับสอบม.1/ม.4ได้ทุกที่
เมื่อวันที่ 9 เมษายน พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่ากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารศธ.เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ที่ประชุมมีความห่วงใยต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสภาพอากาศที่แปรปรวน รวมทั้งมาตรการขึ้นภาษีของสหรัฐอเมริกา ที่อาจทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ จึงขอฝากความห่วงใยถึงผู้ปกครอง นักเรียน และข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทั่วประเทศ ขอให้ดูแลสุขภาพและวางแผนค่าใช้จ่ายที่จำเป็น ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ยังรายงานผลการสอบคัดเลือกนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ ม.4 ซึ่งดำเนินการด้วยความเรียบร้อย เสร็จสิ้น ก่อนจะถึงเทศกาลปีใหม่ไทย หรือ สงกรานต์สร้างความสุขให้กับนักเรียนและผู้ปกครองถ้วนหน้า
“ในส่วนการสอบคัดเลือก ม. 1 ม.4 นั้นได้มอบหมายให้นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำศธ. เป็นประธานคณะทำงานเรื่องการบริหารจัดการสอบทุกรูปแบบ เพื่อลดภาระด้านการสอบของนักเรียน
เนื่องจากพบว่า เด็กที่มาเข้าสอบส่วนใหญ่เดินทางมาไกลบางคนมาจากต่างหวัด เช่น เชียงใหม่ สงขลา เป็นต้น ดังนั้น จึงอาจต้องปรับวิธีการให้มีความเหมาะสม ตามนโยบายเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา หรือ Anywhere Anytime ให้สามารถสอบจากที่ใดก็ได้ เพื่อลดภาระนักเรียนและผู้ปกครองให้ได้มากที่สุด”พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าว
พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวต่อว่า สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ. )ได้นำเสนอเกี่ยวกับ AI Mapping for Education Development (เอไอ แม็ปปิ้ง ฟอร์ แอดดูเคชัน ดีเวลลอปเม้น) ซึ่งมีการประเมินความพร้อม 4 มิติ เพื่อจัดทำยุทธศาสตร์ เติมเต็มช่องว่างให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด ได้แก่ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านบุคลากรทุกภาคส่วน ด้านการจัดการเรียนการสอน และด้านการบริหารจัดการศึกษา พร้อมนำเสนอ 7 ประเด็นการศึกษาที่ผู้กำหนดนโยบายต้องตระหนัก ช่วงปี 2568 – 2570 ได้แก่
ระบบการศึกษาที่ขับเคลื่อนและจัดหาเงินทุน ,การเรียนรู้ตลอดชีวิตและการเรียนรู้ภายนอกกรอบสถาบัน ,การเปลี่ยนแปลงในระบบการศึกษา ,แนวโน้มล่าสุดในระบบการศึกษาและผลกระทบในอนาคต ,ประโยชน์ของการศึกษา ต่อบุคคลและสังคม ,การเริ่มต้นของการศึกษาในโรงเรียนและการเรียนรู้พื้นฐาน (การศึกษาปฐมวัย – ประถมศึกษา)และการขาดแคลนครูและความน่าดึงดูดใจของอาชีพครู
รัฐมนตรีว่าศธ. กล่าวต่อว่า สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน)สมศ.รายงานให้ที่ประชุมรับทราบ ผลการประเมินสถานศึกษาภายนอก ของโรงเรียนทั้งหมด 5,075 แห่ง โดยใช้มาตรฐาน 3 ด้าน ได้แก่ ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน การบริหารจัดการและสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ และการสอนและหลักสูตร ซึ่งประเด็นสำคัญที่ได้จากการวิเคราะห์ พบว่า การลงทุนในด้านครูและการสอน อาจมีผลต่อผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนมากขึ้น และการปรับกลยุทธ์การพัฒนาโรงเรียนไม่ควรใช้แนวทางเดียวกันทั้งหมด แต่ควรปรับตามบริบทของโรงเรียนในแต่ละกลุ่ม
“ขอฝาก สมศ. เป็นหลักในการขับเคลื่อนต่อเนื่อง ปรับข้อมูลให้ผลประเมินสถานศึกษาเข้าใจง่าย และนำผลประเมินที่ได้มาวิเคราะห์ไม่อยากให้ดูเฉพาะผลลัพธ์ แต่ขอให้ดูข้อมูลตัวป้อน เพราะต้นทุน บริบทแต่ละโรงเรียนแตกต่างกัน และให้ สพฐ. นำข้อมูลนี้ไปใช้พัฒนาโรงเรียนต่อไป อีกสิ่งหนึ่งที่อยากให้เกิดขึ้น คือ โรงเรียนคู่พัฒนา โรงเรียนที่มีคุณภาพเด่น ช่วยเหลือโรงเรียนที่มีคุณภาพน้อยกว่า เพื่อให้โรงเรียนทั่วประเทศมีคุณภาพและได้มาตรฐานที่ใกล้เคียงกัน”พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าว
