‘สุรศักดิ์’ ปิ๊งไอเดียตั้งสหกรณ์กลางทุกภูมิภาค ผุดสถาบันการเงินดอกเบี้ยต่ำแก้หนี้ครู
เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะ ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาของ ศธ. เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมระดมความคิดเห็น “แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)โดยการมีส่วนร่วมของสหกรณ์” มีผู้แทนสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.)ทั่วประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ทั้งระบบออนไซต์และออนไลน์ ว่า ที่ประชุมได้หารือแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ซึ่งได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลของแต่ละสหกรณ์ที่ประสบความสำเร็จ โดยเตรียมหารือ กับกรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเสนอแก้ไขระเบียบสหกรณ์บางตัวให้มีความยืดหยุ่น เอื้อต่อการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูได้ดียิ่งขึ้น
“ขณะนี้การทำงานแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาระหว่างสหกรณ์ออมทรัพย์ครูและ ศธ.มีความใกล้ชิดกันค่อนข้างมาก ทุกสหกรณ์ให้ความร่วมมือแก้ไขปัญหา ช่วยลดดอกเบี้ยให้เหลือร้อยละ 4.75 และยังพบว่า มีบางสหกรณ์ฯ สามารถลดดอกเบี้ยลงได้ต่ำกว่า ร้อยละ 4.75 เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องดี นอกจากนี้ยังมีแนวคิด จัดตั้งสหกรณ์กลางขึ้นในแต่ละภูมิภาค เพื่อให้สมาชิกมีทางเลือกมากู้สหกรณ์ในแต่ละภูมิภาค มีโอกาสเลือกกู้ในสหกรณ์ที่มีดอกเบี้ยต่ำที่สุด ทั้งนี้การจัดตั้งสหกรณ์กลางจะต้องหารือ กับกรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อขอแก้ระเบียบบางตัว เพื่อยกระดับการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู โดยต้องยอมรับว่า การแก้ไขปัญหาหนี้สินครูให้มีความรวดเร็วต้องได้รับความร่วมมือจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ด้วย โดยเฉพาะการขอปรับแก้ระเบียบบ้างตัว ” รัฐมนตรีช่วยว่าการศธ. กล่าว
นายสุรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนจะใช้เวลาในการจัดตั้งสหกรณ์กลางเท่าไรนั้น คงไม่สามารถบอกได้ เพราะการดำเนินการไม่ได้อยู่ที่ศธ.ฝ่ายเดียว แต่ต้องมีการหารือรายละเอียดร่วมกัน กรมส่งเสริมสหกรณ์ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนการแก้ไขปัญหาหนี้ครูวิกฤตนั้น พบว่าได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี ที่สำคัญยังพบว่า ครูที่เป็นหนี้หลายรายเดินเข้ามาหาสถานีแก้หนี้ครูด้วยตัวเอง เพื่อให้ช่วยเจรจากับเจ้าหนี้ เพื่อขอลดดอกเบี้ย หรือขอขยายระยะเวลาการชำระหนี้ เพื่อให้สามารถมีเงินเหลือใช้ในชีวิตประจำวันได้