ครูสาวราชบุรี ร้อง ‘บิ๊กอุ้ม’ ถูกย้ายไม่เป็นธรรม หลังแฉทุจริตผอ. ด้าน สพฐ.เร่งตรวจสอบ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 19 พฤษภาคม ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ ได้นำ นางทิพย์พเกษร บัวพึ่ง ข้าราชการครูชำนาญการ โรงเรียนมหาราช 7 จ.ราชบุรี พร้อมด้วยผู้ปกครองเด็กนักเรียนและผู้นำชาวบ้านจำนวน 12 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. ปลัด ศธ. และเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อขอความเป็นธรรมกรณีถูกย้ายโดยไม่เป็นธรรม
นางทิพย์เกษรกล่าวว่า ตนได้ร่วมกับผู้ปกครองและผู้นำท้องถิ่น ตรวจสอบพบความผิดปกติหลายประการภายในโรงเรียนดังกล่าว และได้เข้าร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ราชบุรี ให้ดำเนินการตรวจสอบ อาทิ เรื่องอาหารกลางวันนักเรียนที่ไม่ได้คุณภาพ ทั้งในด้านปริมาณและคุณค่าทางโภชนาการ, พฤติกรรมของครูบางรายที่ไม่เข้าสอน, การนำหนังสือเรียนที่ให้ยืมไปจำหน่ายเพื่อประโยชน์ส่วนตัว, การหารายได้เสริมโดยนำกล่องสุ่มและน้ำดื่มมาจำหน่ายในโรงเรียน, รวมถึงกรณีครูทำร้ายนักเรียนชั้น ป.4 ด้วยการบิดหูจนได้รับบาดเจ็บ และการใช้ถ้อยคำไม่สุภาพกับนักเรียนหญิง จนผู้ปกครองต้องเข้าแจ้งความดำเนินคดี
นางทิพย์พเกษรกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ตนยังได้เข้าร้องเรียนต่อหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ป.ป.ช.ราชบุรี และศูนย์ดำรงธรรม เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบเรื่องดังกล่าว แต่กลับถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ราชบุรี เขต 1 สั่งย้ายให้ไปช่วยราชการที่โรงเรียนบ้านโกรกสิงขร ในขณะที่ผู้อำนวยการโรงเรียนมหาราช 7 ถูกสั่งย้ายไปรักษาราชการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านสันดอน อ.จอมบึง เป็นการชั่วคราวทั้งสองราย เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ต่อมา สพป.ราชบุรี เขต 1 ได้มีคำสั่งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนมหาราช 7 กลับไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิม เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม ในขณะที่ตนยังไม่มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงใดๆ แม้คณะกรรมการสถานศึกษาและคณะครูโรงเรียนบ้านโกรกสิงขร ได้มีมติให้ตนกลับไปปฏิบัติราชการที่เดิมในวันที่ 18 มีนาคม
“ด้วยเหตุนี้ ดิฉันเดินทางมายื่นหนังสือเพื่อขอความเป็นธรรม จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะเกิดความหวาดกลัว เนื่องจากมีการข่มขู่ โดยขอให้มีการตรวจสอบพฤติกรรมของผู้อำนวยการเขตพื้นที่ฯรายดังกล่าว ว่าเหตุใดจึงช่วยปกป้องผู้อำนวยการโรงเรียน เหมือนเป็นการเลือกปฏิบัติ ทั้งที่มีการร้องเรียนเรื่องการทุจริต อย่างไรก็ตาม วันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา ทางผู้อำนวยการเขตพื้นที่ฯเคยเรียกไปสอบถาม และดิฉันได้ยืนยันจะขอกลับไปสอนโรงเรียนเดิมแต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ ทำให้รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะสิ่งที่ทำเป็นประโยชน์ต่อเด็กในอนาคต ซึ่งยืนยันว่ามีหลักฐานทุกอย่าง จึงกล้าร้องเรียน ส่วนครูคนอื่นในโรงเรียนเดิมนั้น อาจเพราะเราไปทำให้เสียผลประโยชน์ จึงทำให้อยู่ตรงนั้นได้ยาก ดังนั้น หากเป็นไปได้ ก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยย้ายไปโรงเรียนใกล้บ้านแทน“ นางทิพย์เกษรกล่าว
นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวภายหลังรับหนังสือร้องเรียนว่า เรื่องนี้เป็นความขัดแย้งระหว่างครู ผู้อำนวยการโรงเรียน และผู้อำนวยการเขตพื้นที่ฯ โดยครูได้มาขอความเป็นธรรมกับ สพฐ. ดังนั้น เมื่อ สพฐ.ได้รับเรื่องร้องเรียนไว้แล้วก็จะดำเนินการเร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเนื่องจากขณะนี้ยังได้ข้อมูลไม่ครบ แต่โดยหลักการเราจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ถ้าเขตพื้นที่ฯทำไม่ถูกต้องเขตพื้นที่ฯก็ต้องรับผิดชอบ ถ้าโรงเรียนทำไม่ถูกต้องโรงเรียนก็ต้องรับผิดชอบ และถ้าครูทำไม่ถูกต้องครูก็ต้องรับผิดชอบ เพราะฉะนั้น ขอให้ครูสบายใจได้ว่าจะได้รับความเป็นธรรมแน่นอน