มิตซูบิชิ อิเล็คทริคไทย ลุยภารกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมยั่งยืน ร่วมปลูกป่าชุมชนบ้านไทย จ.สระบุรี
มูลนิธิมิตซูบิชิ อิเล็คทริคไทย ร่วมกับ กลุ่มบริษัท Mitsubishi Electric ในประเทศไทย เดินหน้าสานต่อพันธกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน จัดกิจกรรมจิตอาสาปลูกป่าลดโลกร้อน โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว และฟื้นฟูระบบนิเวศให้กลับคืนสู่ความสมบูรณ์ เพื่อสังคมที่ยั่งยืนสืบไป โดยมีผู้บริหารระดับสูง และพนักงานจิตอาสากว่า 500 คน จาก 11 กลุ่มบริษัทฯ เข้าร่วมกิจกรรมปลูกป่า ภายใต้โครงการ “ภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อน” ที่ป่าชุมชนบ้านไทย ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
นายโทชิมิทสึ อิโต ผู้แทนภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก บริษัท มิตซูบิชิ อิเล็คทริค คอร์ปอเรชั่น กล่าวถึงเจตนารมณ์ขององค์กรว่า กลุ่มบริษัท Mitsubishi Electric ดำเนินธุรกิจด้วยหลักการ ‘Shoki Hoko’ ซึ่งหมายถึงแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม โดยเรายึดมั่นในเป้าหมายการสร้างความยั่งยืนผ่านการดำเนินธุรกิจแบบบูรณาการ กิจกรรมในวันนี้สะท้อนถึงแนวทางที่เราเชื่อมั่น คือการร่วมมือกับชุมชนและภาคส่วนต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในระดับรากฐาน และร่วมกันสร้างสังคมที่ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ตลอด 8 ปีของการดำเนินโครงการ “ภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อน” กลุ่มบริษัท Mitsubishi Electric ในประเทศไทยได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาองค์กรและสังคมไทยสู่ความยั่งยืน โดยเฉพาะการเชื่อมโยงพันธกิจขององค์กรเข้ากับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เพื่อตอบสนองความคาดหวังของสังคมและลดผลกระทบเชิงลบที่มีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
กิจกรรมนี้เป็นหนึ่งในความร่วมมือภายใต้โครงการ “ภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อน” โดยมูลนิธิมิตซูบิชิ อิเล็คทริคไทย และกลุ่มบริษัท Mitsubishi Electric ในประเทศไทย ร่วมกับ กรมป่าไม้ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และป่าชุมชนบ้านไทยโดยในปีนี้ ได้ดำเนินการปลูกต้นไม้ในพื้นที่ฟื้นฟูป่าชุมชนรวมกว่า 30 ไร่ โดยต้นไม้ที่ปลูกในวันนี้ ประกอบด้วยพันธุ์ไม้พื้นถิ่นที่มีคุณค่าทางนิเวศและเศรษฐกิจ อาทิ ต้นตะแบก ต้นเสลา ต้นไผ่ ต้นสะเดา ต้นขี้เหล็ก ต้นมะขามป้อม ต้นเพกา และต้นสมอฯ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมกันสร้างผืนป่าแห่งนี้ให้อุดมไปด้วยสีเขียว ผ่านแรงกายและแรงใจของพนักงานจิตอาสาและชุมชนในพื้นที่
โดยคาดว่า การปลูกป่าในครั้งนี้จะสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 16.2 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี และในระยะยาวกว่า 10 ปี จะสามารถกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ได้สูงถึง 162 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งเป็นผลลัพธ์เชิงรูปธรรมของความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจ ภาครัฐ และภาคประชาชน เพื่อตอกย้ำเจตนารมณ์ขององค์กรที่ไม่ได้มองเพียงมิติของการเพิ่มพื้นที่สีเขียวเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมในระดับรากฐาน และการมีส่วนร่วมในความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างยั่งยืน
ด้าน น.ส.ณัฐชยา คมขำ ผู้อำนวยการส่วนอำนวยการ สำนักจัดการป่าชุมชน กรมป่าไม้ กล่าวว่า กรมป่าไม้ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักในการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ของชาติ ซึ่งให้ความสำคัญด้านการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนและภาคีทุกภาคส่วน ในการบริหารจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมการจัดการป่าชุมชน เป็นรูปแบบหนึ่ง ที่กรมป่าไม้เปิดโอกาส ให้ชุมชนที่อยู่รอบๆ ป่า เข้ามามีส่วนร่วมกับภาครัฐ ในการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ โดยชุมชนมีหน้าที่และสิทธิ์ในการดูแลรักษาและได้รับประโยชน์จากป่าชุมชนสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นกรมป่าไม้ให้ความสำคัญกับบทบาทของชุมชนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ภายใต้พระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ.2562 และในวันนี้ มูลนิธิมิตซูบิชิ อิเล็คทริคไทย และกลุ่มบริษัท Mitsubishi Electric ในประเทศไทย ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเสริมพลังให้กับแนวทางนี้อย่างยั่งยืน
กิจกรรมในครั้งนี้จึงเป็นอีกก้าวสำคัญของการมุ่งไปสู่ “การเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีกว่า” (Changes for the Better) ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและทุ่มเทของ Mitsubishi Electric ในการร่วมแรงร่วมใจเพื่อสร้างสังคมที่ดีขึ้นทั้งในวันนี้และอนาคต