เมื่อวันที่ 22 มกราคม โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพ นายไมตรี อินทุสุต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวในการเป็นประธานเปิดประชุมแนวทางการปฏิบัติตามกฎหมายจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐ เพื่อทำความเข้าใจและให้ข้อเสนอแนะการจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐ ซึ่งมีผู้บริหารหรือตัวแทน 19 กระทรวง และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมกว่า 400 คน จัดโดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ว่า พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2556 ได้กำหนดสิทธิของคนพิการไว้อย่างครอบคลุมทุกด้าน โดยเฉพาะการจ้างงานคนพิการที่กำหนดให้หน่วยงานของรัฐและสถานประกอบการเอกชนต้องจ้างงานคนพิการในอัตราส่วน 100ต่อ1 ตามมาตรา 33 และสนับสนุนการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนพิการตามมาตรา 35 กรณีสถานประกอบการเอกชนใดไม่ดำเนินการใน 2 วิธีข้างต้น ต้องส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ อย่างไรก็ตาม ในปี 2558 พบสถานประกอบการเอกชนได้รับคนพิการเข้าทำงานตามกฎหมายแล้วร้อยละ 83.12 ขณะที่หน่วยงานของรัฐในปี 2557 พบมีการจ้างงานคนพิการเข้าทำงานรวมกันเพียง 1,668 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 16.27 เท่านั้น
นายไมตรีกล่าวอีกว่า โดยเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2558 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้หน่วยงานของรัฐรับคนพิการที่สามารถทํางานได้ เข้าทำงานให้ครบตามอัตราส่วนที่กฎหมายกำหนดภายในปีงบประมาณ 2561โดยให้พม.รายงานผลการปฏิบัติงานต่อครม.ทุกครึ่งปี ทั้งนี้ ที่ผ่านมาหน่วยงานของรัฐอาจจะมีข้อจำกัดในการรับคนพิการเข้าทำงาน โดยเฉพาะระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยความสะดวก แต่เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2558 ก.พ.ได้มีการปรับแก้ระเบียบเพื่อเปิดช่องให้สามารถรับคนพิการเข้าทำงานได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นแล้ว ฉะนั้นพม.เร่งสร้างความเข้าใจกับทุกหน่วยงานรัฐ เพื่อให้หน่วยงานรัฐจ้างงานอย่างเป็นรูปธรรมทันเดือนเมษายนนี้ ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำไว้
ด้าน นายสมชาย เจริญอำนวยสุข อธิบดีพก.กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนได้ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการฯ ดำเนินการอายัดทรัพย์สินผ่านสถาบันทางการเงินกับสถานประกอบการเอกชน 48 แห่ง ที่ละเว้นปฏิบัติตามกฎหมายในการชำระเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กรณีที่ไม่สามารถรับคนพิการเข้าทำงาน ซึ่งจนถึงขณะนี้มี 20 แห่งได้ถอดอายัดแล้วเนื่องจากเข้ามาติดต่อชำระเงิน ขณะเดียวกันพก.ร่วมกับสถาบันการเงินกำลังตรวจสอบทรัพย์สินสถานประกอบการอีก 164 แห่ง ที่พบว่ายังไม่ดำเนินการชำระเงินเข้ากองทุน ซึ่งกำหนดขีดเส้นภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้ หากยังไม่ชำระเงินตามกำหนดก็จะดำเนินอายัด ทั้งนี้ การอายัดทรัพย์จะทำให้ภาคธุรกิจส่งเงินเข้ากองทุน หรือไม่ต้องจ้างงานคนพิการตามที่กฎหมายกำหนด ขณะที่การดำเนินการอายัดทรัพย์ขณะนี้ ทำให้มีเงินเข้ากองทุนไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งพก.จะดำเนินตรวจสอบสถานประกอบการณ์อื่นไปเรื่อยๆ
