| ที่มา | มติชนรายวันหน้า 23 |
|---|---|
| เผยแพร่ |
นายไมตรี อินทุสุต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวภายหลังเป็นประธานประชุมแนวทางการปฏิบัติตามกฎหมายจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐ เพื่อสร้างความเข้าใจต่อการจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐ จัดโดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) ว่า พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2556 ได้กำหนดสิทธิของคนพิการไว้อย่างครอบคลุมทุกด้าน โดยเฉพาะหน่วยงานของรัฐและสถานประกอบการภาคเอกชน ซึ่งต้องปฏิบัติตามกฎหมายการจ้างงานคนพิการในอัตราส่วนลูกจ้าง 100 คน ต้องจ้างคนพิการ 1 คน หรือ 100 ต่อ 1 ตามมาตรา 33 และสนับสนุนการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนพิการตามมาตรา 35 และกรณีสถานประกอบการเอกชนใดไม่ดำเนินการใน 2 วิธีข้างต้น ต้องส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ทั้งนี้ เพื่อให้คนพิการมีงานทำ สามารถเลี้ยงดูตนเองและครอบครัว ตลอดจนเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติเช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป
นายไมตรีกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ พบว่าภาพรวมหน่วยงานรัฐทุกประเภทได้จ้างงานคนพิการเพียง 1,313 คน จัดให้สัมปทาน 398 คน รวมกันเพียง 1,711 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 16.54 เท่านั้น ขณะที่สถานประกอบการเอกชนได้รับคนพิการเข้าทำงานแล้วจำนวน 29,787 คน จัดให้สัมปทาน 6,331 คน และส่งเงินเข้ากองทุนแทนการจ้างคนพิการ จำนวน 19,443 คน รวมเป็น 55,561 คน ถือได้ว่าสถานประกอบการเอกชนได้ปฏิบัติตามกฎหมายแล้วถึงร้อยละ 90.44 อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ผลการจ้างงานคนพิการดังกล่าว จำเป็นต้องเร่งร่วมมือหาแนวทางและวิธีการที่จะทำให้คนพิการสามารถเข้าทำงานกับหน่วยงานของรัฐได้อย่างเป็นรูปธรรม ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2558 ที่ให้หน่วยงานรัฐซึ่งมีผู้ปฏิบัติงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไปรับคนพิการเข้าทำงานตามกฎหมายให้ครบตามอัตราส่วนที่กำหนดภายในปีงบประมาณ 2561 และให้รายงานผลการปฏิบัติหรือนำเสนอแผนการดำเนินงานทุก 1 ปี โดยให้ พม.เป็นผู้รวบรวมผลรายงานต่อ ครม.ต่อไป
