ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุอันแท้จริงว่าอะไร? ที่ทำให้ นายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก ประชาธิปัตย์ โยนระเบิดใส่ “ประชาธิปัตย์” ด้วยการกล่าวหาว่า สมคบคิดกันวางแผนยึดอำนาจ ทำลายประชาธิปไตย ทำลายอำนาจประชาชน
ในห้วงสิบปีนี้ กองทัพก่อรัฐประหารล้มรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งถึงสองครั้งสองครา
ครั้งแรกโค่นผู้พี่
ก่อรัฐประหารล้มรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร เมื่อ 19 กันยายน 2549
ครั้งที่สองโค่นผู้น้อง
ก่อรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อ 22 พฤษภาคม 2557
จุดที่ทำให้ “นคร มาฉิม” ต้องโพสต์เฟซบุ๊กขอโทษ “ทักษิณ” มาจากอะไรไม่มีใครรู้ลึกๆ แน่ แต่ทุกถ้อยกระทงความประหนึ่ง “ระเบิด” ที่โยนเข้าใส่ฝ่ายอนุรักษนิยม ทหาร ข้าราชการ ทุนระดับชาติบางกลุ่ม
กัมปนาท รุนแรงยิ่ง
“ผมต้องขอโทษท่าน (ทักษิณ) และน้องสาวท่าน (ยิ่งลักษณ์) ด้วยนะครับที่เคยต่อสู้กับท่าน แต่เมื่อความจริงปรากฏ ความอยุติธรรมและเผด็จการปกครองครอบงำประเทศ ประชาชนเดือดร้อนทุกข์ยากลำบาก สิทธิเสรีภาพสูญสิ้น ชาติบ้านเมืองบอบช้ำเข้าขั้นวิกฤต ผมจึงขออนุญาตมาร่วมอุดมการณ์เดียวกับท่าน ขอร่วมสู้กับท่านและเหล่าวีรชนฝ่ายประชาธิปไตย เพื่อนำพาประเทศไทยของเราให้ข้ามพ้นจากความขัดแย้ง ข้ามพ้นจากยุคมืดของเผด็จการ เดินทางสู่ระบอบประชาธิปไตย สร้างความเสมอภาค ความเจริญรุ่งเรืองเช่นอารยประเทศ”
น่าเคืองนักก็ตรงบั้นท้ายข้อความ ที่ “นคร มาฉิม” ช่างฉอเลาะ โพสต์ว่า
“ขอให้ท่านและน้องสาวยิ่งลักษณ์ได้กลับมาสู่อ้อมกอดของแผ่นดินแม่นะครับ”
แม้ “นคร มาฉิม” จะไม่ใช่ “บิ๊กเนม” แต่ก็หาใช่ “โนเนม” ในเวทีการเมืองและในพรรคประชาธิปัตย์ ปรากฏการณ์ครั้งนี้ต้องไม่ธรรมดา
ต่อภายนอก ฝ่ายทหารจึงสำรวมท่วงท่า!
พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธสิ่งที่ “นคร มาฉิม” กล่าวหาด้วยการการันตีเฉพาะ “รัฐประหาร 22 พฤษภา 2557” เท่านั้นว่า “เป็นความจำเป็น” เพื่อยับยั้งสถานการณ์ที่อาจลุกลามถึงขั้นมิคสัญญี
ส่วนฝ่ายประชาธิปัตย์ย่อมรับไม่ได้
ในฐานะ “พรรคการเมือง” และเป็น “ฝ่ายพลเรือน” เมื่อโดนกล่าวหาว่าสมคบคิดกับทหารล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ย่อม “เสียรังวัด”
วิถีของประชาธิปัตย์คือ ประกาศ “ฟ้องกลับ” พร้อมกับประทับตราให้ “นคร มาฉิม” เป็น “คนทรยศ” เป็นที่เรียบร้อย !?!!
