จำคุกอ่วม 114 ปี ‘อดีตหลวงปู่เณรคำ’ 3 ข้อหาฉ้อโกง-ฟอกเงิน (คลิป)

จำคุกอ่วม 114 ปี อดีตพระเณรคำ 3 ข้อหาฉ้อโกง-ฟอกเงิน สุดท้ายรวมโทษจำคุกได้สูงสุด 20 ปี ตามกฎหมาย พร้อมสั่งชดใช้เงินผู้เสียหาย 29 รายด้วย

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 สิงหาคม ที่ห้องพิจารณา 713 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.2341/2560 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายวิรพล สุขผล อายุ 39 ปี หรืออดีตพระวิรพล ฉัตติโก หรืออดีตหลวงปู่เณรคำ ที่ทางการสหรัฐฯ ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนมาได้เมื่อปี 2560 เป็นจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน, พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ ม.14(1) และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542

กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 52 – 27 มิถุนายน 56 ต่อเนื่องกัน จำเลยอาศัยความเป็นพระภิกษุ ในฐานะประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ และความศรัทธาของประชาชน ได้บังอาจหลอกลวงว่าจำเลยนิมิต (ฝัน) พบองค์อินทร์ ขอให้สร้างพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ที่สุดในโลก และสร้างมหาวิหารครอบองค์พระโดยใช้หยกเขียวแท้จากประเทศอิตาลี และสร้างเครื่องทรงพระแก้ว 3 ฤดูด้วยทองคำแท้ และก่อสร้างเสาวิหารแก้ว 199 ต้น ต้นละ 3 แสนบาท รูปหล่อพระทองคำ (รูปเหมือนจำเลย) ก่อสร้างวิหารสำหรับประชาชนที่วัดป่าฯ สาขา 1 จ.อุบลราชธานี สร้างวัดที่ จ.สุพรรณบุรี รวมทั้งการจัดซื้อเรือจากสหรัฐฯ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยจำเลยประกาศชักชวนให้ประชาชนนำเงิน ทองคำ และทรัพย์สินมาบริจาคกับจำเลย ที่วัดป่าฯ โดยจัดตู้บริจาค 8 ตู้

Advertisement

นอกจากนี้ จำเลยยังได้ใช้เว็บไซต์ “www.Luangpunenkham.com เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับการจัดสร้างสิ่งต่างๆ จนมีผู้เสียหาย 29 ราย (เฉพาะที่มาร้องทุกข์ ) หลงเชื่อว่าจำเลยเป็นพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เข้าร่วมบริจาคเงินและทรัพย์สินต่างๆ จำนวนทั้งสิ้น 28,649,553 บาท แล้วจำเลยโอนเงิน 1,130,000 บาทที่ได้จากการฉ้อโกงไปซื้อรถยนต์ตู้โตโยต้า 1 คันโดยทุจริต ทั้งที่ความจริงแล้วจำเลยมิได้ก่อสร้างใดๆเลย

เหตุเกิดที่ จ.ศรีสะเกษ, อุบลราชธานี เชียงใหม่ และที่อื่นเกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และ 343 ด้วย

ชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธ สู้คดี โดยขณะพิจารณา อดีตพระเณรคำถูกคุมขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

Advertisement

โดยวันนี้ศาลได้เบิกตัวมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

ขณะที่ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า การอวดอ้างนิมิตถึงพระอินทร์ แล้วหลอกลวงให้ประชาชนที่เคารพศรัทธาที่เป็นพุทธศาสนิกชนหลงเชื่อจนบริจาคเงินให้ แล้วนำไปซื้อรถปอร์เช่ รถตู้ รถกระบะ กลาย 10 คัน รวมทั้งใช้เงินเกินความจำเป็นความเป็นสงฆ์ กระทั่งจำเลยก็ถูกศาลแพ่งริบทรัพย์ 43,478,992 บาทนั้น ฟังได้ว่า การกระทำของจำเลยนั้นผิดตามฟ้อง

ซึ่งการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จึงพิพากษาให้จำคุกฐานฉ้อโกงประชาชน มาตรา 343 รวม 29 กระทงๆ ละ 3 ปี รวม 87 ปี, พ.ร.บ.คอมพ์ฯ ม.14(1) เป็นเวลา 3 ปี และความผิดฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ. ป.ป.ง.ฯ รวม 12 กระทงๆ ละ 2 ปี เป็นจำคุก 24 ปีโดยรวมจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 114 ปี แต่ตามกฎหมายเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว จำคุกสูงสุดตามกฎหมาย ม.91(2) แล้วได้ 20 ปี และให้ชดใช้เงินกับผู้เสียหาย 29 ราย ตามจำนวนที่ได้ฉ้อโกงไปส่วนที่อัยการโจทก์ให้นำโทษต่อจากคดีหมายเลขดำ อ.2340/2560 ที่ถูกฟ้องกระทำชำเราเด็กหญิงนั้น ศาลอาญายังไม่มีคำพิพากษาในขณะนี้ จึงให้ยกคำขอนับโทษต่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีชำเราเด็กหญิงนั้น ศาลอาญาจะนัดพิพากษาในเดือนตุลาคมนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image