เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 สิงหาคม ที่ห้องออดิทอเรียม ชั้น 5 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร มูลนิธิเด็ก จัดงาน 40 ปี มูลนิธิเด็ก โดยมีตัวแทนองค์การเรื่องเด็ก รวมถึงจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นหลายคนร่วมเสวนา ในหัวข้อ พิทักษ์เด็ก พิทักษ์อนาคตชาติ ด้วยสังคมก้มหน้าได้จริงหรือ
รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี กุมารแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและวัยรุ่น กล่าวว่า โครงสร้างประชากรไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ สัดส่วนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 19.8 และจะเพิ่มเป็นร้อยละ 30.2 ในปี 2579 ขณะที่สัดส่วนเด็กลดลงจากร้อยละ 17.5 ในปี 2560 เหลือร้อยละ 13.5 ในปี 2579 ส่งผลให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานในอนาคต เด็กมีพัฒนาการล่าช้าเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะภาษา สติปัญญาต่ำกว่ามาตรฐานสากล รวมทั้งยังมีปัญหาการติดหนี้การนอนอีกด้วย ปัญหาหนึ่งคือเด็กทุกวันนี้ถูกเปรียบเทียบและแข่งขันสูง มองข้ามไปว่าเด็กแต่ละคนไม่ได้เกิดมาเป็นผ้าสีเดียวกัน แต่ละคนเป็นผ้าผืนที่แต่งแต้มสีของเขาได้ เด็กหลายคนเรียนในระบบไม่ได้ก็ถูกมองว่าเขาแปลก นอกจากนี้การกวดขันให้เด็กไปเรียน หรือการที่เด็กติดโซเชียล ก็ทำให้เด็กไทยติดหนี้การนอน เฉลี่ย 1-2 ชั่วโมงต่อวัน ตื่นมาไม่สดใส สมองไม่พัฒนาด้านความคิดสร้างสรรค์ เด็กบางคนยังมีภาวะเครียด ซึมเศร้า ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็เพิ่งเป็นครั้งแรกที่มีการพูดถึงเด็กปฐมวัยในรัฐธรรมนูญ จากที่ไม่เคยมีมาก่อน
“ด้วยฐานความคิดนี้ ทำให้เกิดความคิดผลักดัน ยกเลิกการสอบเข้าป.1 และ เข้าเลื่อนชั้น ในมาตรา 10 พ.ร.บ.เด็กปฐมวัย และบัญญัติอายุใหม่ว่าปฐมวัยคือวัยตั้งแต่เกิด – 8 ขวบ สอดคล้องกับสาระสำคัญของพ.ร.บ.ฉบับนี้คือดูแล พัฒนา จัดการเรียนรู้สำหรับเด็กใหม่ ตามความถนัดของเด็กแต่ละคน ซึ่งขณะนี้คณะทำงานกำลังผลักดันและรอนำเข้าครม. ตั้งใจจะให้กฎหมายผ่านต้นปี 2562 นี้ ส่วนคำถามว่าหากไม่สอบคัดเลือก จะมีวิธีใดช่วยคัดเด็กที่มีจำนวนมากเข้าโรงเรียนดังๆได้นั้น มองว่าควรจัดสอบพ่อแม่ เรื่องทัศนคติ และทักษะการเลี้ยงลูก แม้ว่าอาจจะมีโรงเรียนเปิดติวพ่อแม่เกิดขึ้นอีกก็ตาม แต่นั่นอาจเป็นกุศโลบายให้พ่อแม่ได้เรียนรู้เรื่องการเลี้ยงลูกให้ดีขึ้นได้ รวมไปถึงกลไกชุมชนที่จะเข้ามาช่วยดูแลเด็กได้” รศ.นพ.สุริยเดวกล่าว
