คพ.วิตกหมอกควันภาคเหนือ ยังคุกรุ่น หลายที่ เกินมาตรฐานอื้อ

เมื่อวันที่ 21 เมษายน นายวิจารย์ สิมาฉายา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า คุณภาพอากาศโดยรวมในพื้นที่ภาคเหนืออยู่ในระดับปานกลาง ถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยตรวจวัดปริมาณฝุ่นละอองเฉลี่ยสูงสุดได้ 171 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ที่ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ จากค่ามาตรฐาน 120 มคก./ลบ.ม. แต่มีค่าลดลงจากเมื่อวาน รองลงมาที่ ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 148 มคก./ลบ.ม. ปริมาณฝุ่นละอองมีแนวโน้มลดลง ยกเว้น เชียงใหม่ ลำปาง แพร่ พะเยา และตาก ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และจุดความร้อนในประเทศยังคงมีมากในพื้นที่ โดยเฉพาะ จ.เชียงใหม่

นายวิจารย์ กล่าวอีกว่า หากเทียบจุดความร้อนเมื่อปี 2558 ถือว่าปีนี้ลดลงประมาณ 20% แต่ยังคงน่าเป็นห่วง เนื่องจากปกติทุกๆ ปีที่ผ่านมา ในช่วงหลังสงกรานต์จะไม่มีปัญหาหมอกควันในพื้นที่แล้ว แต่ปีนี้มีหลายปัจจัยมาประกอบกัน อาทิ อากาศแห้งแล้ง อุณหภูมิที่สูงขึ้นเกือบ 2 องศาเซลเซียสจากปีที่แล้ว และมีหลายจังหวัดที่พ้นกำหนดระยะเวลาห้ามเผาในช่วงกลางเดือนเมษายน เกษตรกรในพื้นที่จึงต่างเร่งเผาในพื้นที่ของตน อีกทั้งปัญหาหมอกควันข้ามแดน โดยเฉพาะชายแดนในพื้นที่อ.แม่สาย จ.เชียงราย และ ต.ห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านยังนิยมเผาพื้นที่เกษตรกรรม ประกอบกับทิศทางของลมที่พัดเข้ามาในประเทศไทยด้วย จึงทำให้ปริมาณค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐานอยู่ อย่างไรก็ตามพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ได้สั่งการระดมสรรพกำลังจากทุกฝ่ายเข้ามาร่วมกันแก้ปัญหาทั้งหมด ทั้งเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า ของกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ อาสาสมัครชาวบ้านในพื้นที่ กองทัพอากาศ และทางกรมฝนหลวง โดยกำชับให้ชุดดับไฟอยู่ในพื้นที่ที่เกิดเหตุตลอดเวลา มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกำลังกันเข้าไป เนื่องจากมีจุดความร้อนกระจายอยู่หลายจังหวัด รวมถึงชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนถึงสถานการณ์และการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องเพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพ รวมทั้งขอความร่วมมืองดการเผาป่าและเศษวัสดุการเกษตรอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะพ้นปัญหาวิกฤตหมอกควันไม่เกินช่วงกลางเดือนพฤษภาคม นี้

อธิบดีคพ. กล่าวอีกว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาระยะยาวทส. ได้ร่วมดำเนินการกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย ตามโครงการของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ในการจัดโซนนิ่งพื้นที่เกษตร การสนับสนุนพืชเกษตรที่ไม่ต้องเผา การจัดสรรที่ดินให้กับราษฎร เพื่อไม่ให้มีการบุกรุกเผาพื้นที่ป่าเพิ่มเติมอีก รวมทั้งการฟื้นฟูพื้นที่ป่า อาทิ การทำฝายชะลอน้ำในพื้นที่จ.เชียงราย ซึ่งทางจังหวัดได้ตั้งเป้าไว้ให้ครบ 7,200 ฝาย โดยในปี 2559 นี้จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ 720 ฝาย เป็นต้น