มติทันตแพทยสภาจี้ สปส.ปรับสิทธิทำฟันเท่าเทียมบัตรทอง

เมื่อวันที่ 21 เมษายน ทพ.ไพศาล กังวลกิจ นายกทันตแพทยสภา เปิดเผยภายหลังการประชุมกรรมการทันตแพทยสภา ว่า  ที่ประชุมได้มีวาระการพิจารณาเรื่องสิทธิทันตกรรมในระบบสุขภาพของทั้ง 3 กองทุนสุขภาพ คือ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนประกันสังคม และกองทุนสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ  โดยเมื่อเปรียบเทียบกันพบว่า ยังมีความเหลื่อมล้ำของการครอบคลุมบริการทันตกรรมที่แตกต่างกันมาก ส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงบริการทันตกรรมของประชาชน โดยเฉพาะผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมที่ยังคงเข้าไม่ถึงบริการทันตกรรมที่ครอบคลุม  เนื่องมาจากการกำหนดสิทธิประโยชน์ทันตกรรมที่ค่อนข้างจำกัด มีเพียงการอุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินน้ำลาย ซึ่งปัจจุบันกำหนดเพดานเบิกจ่ายค่าทันตกรรมเหล่านี้ไว้เพียง 600 บาทต่อปี ถือว่าน้อยมาก ขณะที่ในส่วนของการเบิกจ่ายค่าใส่ฟันเทียมยังจำกัดไม่เกิน 4,000 บาทเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีรูปแบบการเบิกจ่ายที่ค่อนข้างยุ่งยาก ซึ่งผู้ประกันตนจะต้องสำรองจ่ายค่าทันตกรรมไปก่อน กลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเข้ารับบริการของผู้ประกันตนขณะนี้

ทพ.ไพศาลกล่าวอีกว่า ขณะที่ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าได้ให้สิทธิประโยชน์ ซึ่งต้องบอกว่าปัจจุบันครอบคลุมการทำหัตถกรรมด้านทันตกรรมตามความจำเป็นเกือบทั้งหมด ตั้งแต่การขูดหินน้ำลาย อุดฟัน ถอนฟัน ผ่าฟันคุด ไปจนถึงการใส่ฟันเทียมซึ่งถือว่าดีกว่ามาก ยกเว้นการรักษาคลองรากฟัน ส่วนระบบสวัสดิการข้าราชการสิทธิประโยชน์ครอบคลุมทั้งหมด เพียงแต่ข้อจำกัดคือต้องทำเฉพาะในโรงพยาบาลของรัฐเท่านั้น

ทพ.ไพศาลกล่าวว่า ขณะนี้มีความพยายามในการผลักดันโดยเครือข่าย ฟ.ฟันสร้างสุข, กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ, มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ และเครือข่ายต่างๆ อาทิ สภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศ เป็นต้น เพื่อให้สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ปรับปรุงสิทธิประโยชน์ด้านทันตกรรมให้ผู้ประกันตนได้รับบริการทันตกรรมเท่าเทียมกับผู้มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและระบบสวัสดิการข้าราชการ โดยทันตแพทยสภามองว่าเรื่องการเข้าถึงบริการทันตกรรมเป็นเรื่องสำคัญมากต่อสุขภาพของประชาชน ทั้งยังมีส่วนสำคัญต่อการป้องกันโรคต่างๆ ที่มาจากปัญหาสุขภาพในช่องปาก ดังนั้น ประชาชนจึงควรได้รับบริการอย่างครอบคลุมและทั่วถึง และเพื่อเป็นการลดความเหลื่อมล้ำในบริการทันตกรรม ทันตแพทยสภาจึงสนับสนุนให้มีการปรับสิทธิประโยชน์ทันตกรรมในระบบประกันสังคม รวมถึงการปรับปรุงระบบการเบิกจ่ายค่ารักษาเพื่อให้ผู้ประกันตนเข้าถึงบริการที่ครอบคลุมและทั่วถึง