คืบหน้ากรณีชุมชนป้อมมหากาฬ เขตพระนคร ซึ่งกทม. แจ้งให้ย้ายออกภายในวันที่ 30 เมษายนนี้เพื่อปรับปรุงพื้นที่เป็นสวนสาธารณะหลังยืดเยื้อมานาน 24 ปีนั้น
เมื่อวันที่ 24 เมษายน นายธวัชชัย มหาวรคุณ ประธานชุมชนป้อมมหากาฬ กล่าวว่า ในช่วงนี้ทางชุมชนมีการรักษาความปลอดภัยมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องอัคคีภัย เนื่องจากอากาศร้อนจัด อีกทั้งบ้านเรือนเกือบทั้งหมดในชุมชนสร้างจากไม้หรือมีส่วนประกอบที่เป็นไม้ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี จึงมีการจัดเวรยามตลอด 24 ชั่วโมง เพราะเกรงว่าอาจเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้นได้ โดยส่วนที่ห่วงเป็นพิเศษ คือ กลุ่มเรือนไม้โบราณยุครัตนโกสินทร์ที่มีหลายหลัง
“ช่วงนี้ทางชุมชนจัดเวรยามดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง โดยชาวบ้านจะสลับกันมาช่วยดูแล มีเวรทั้งกะกลางวันและกลางคืน แต่ละช่วงแบ่งเป็น 4 ผลัด ผลัดละ 3-5 คน โดยเฝ้าระวังเรื่องฟืนไฟมากเป็นพิเศษ เพราะอากาศร้อนจัด บ้านเรือนส่วนใหญ่ก็เป็นไม้เกือบทั้งนั้น โดยเฉพาะบ้านโบราณยุครัตนโกสินทร์ หากเกิดไฟไหม้จะเป็นความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้ เพราะมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์” นายธวัชชัยกล่าว
นายธวัชชัยยังกล่าวอีกว่า ความจริงแล้ว ชุมชนมีการจัดเวรยามมานานกว่า 20 ปีแล้ว แต่เน้นช่วงกลางคืนระหว่างเที่ยงคืน ถึงตีห้า อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้อุณหภูมิสูงเป็นพิเศษ อาจเกิดเพลิงไหม้ได้ง่าย จึงต้องมีเวรยามตลอดเวลา โดยชาวบ้านทั้งหญิงและชายที่สมัครใจอาสาช่วยดูแล สำหรับบ้านที่จำหน่ายดอกไม้ไฟนั้น ตกลงกันว่าตอนกลางคืนจะต้องปิดร้าน นอกจากนี้ จากการประชุมในชุมชนครั้งล่าสุด สรุปว่า หลังวันที่ 30 เมษายน จะเลิกขายดอกไม้ไฟอย่างเด็ดขาด
รศ. ชาตรี ประกิตนนทการ อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ม.ศิลปากร กล่าวว่า ชุมชนป้อมมหากาฬ มีสถาปัตยกรรมที่แสดงถึงประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 100 ปี เนื่องจากมีอาคารที่ปลูกต่อเนื่องบนพื้นที่ตั้งแต่เรือนไม้ยกพื้นสูง จนถึงเรือนไม้เก่าแก่ในยุคที่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตก และบ้านไม้ในยุคปัจจุบัน การจัดการเรื่องความปลอดภัยของชุมชน ถือว่าเป็นแนวทางที่ดีอย่างมาก เพราะชุมชนบ้านไม้เชิงอนุรักษ์ ต้องมีการดูแลมากกว่าปกติ เช่น การจัดเวรยาม การมีฉนวนป้องกันไฟ การจัดอุปกรณ์ดับเพลิงไว้ในจุดที่เข้าถึงง่าย และจำนวนมากเป็นพิเศษ ซึ่งชุมชนป้อมมหากาฬได้แสดงให้เห็นแล้วว่า สามารถดูแลตัวเองได้ดี เพราะตั้งแต่เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่เมื่อ พ.ศ.2516 จากนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่เคยเกิดเหตุอีกเลย ทั้งที่มีการขายดอกไม้ไฟ
“หมู่บ้านอนุรักษ์ ต้องเข้มงวดมากเรื่องการดูแลเพลิงไหม้ เพราะของแบบนี้เกิดขึ้นแบบกะทันหันมาก จึงต้องมีความพร้อมในการป้องกันและแก้ไข ซึ่งกรณีของป้อมมหากาฬ ถือว่าทำได้ดี เพราะขนาดมีบ้านที่ขายดอกไม้ไฟ ยังไม่เกิดเพลิงไหม้เลยตั้งแต่ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2516” รศ.ชาตรีกล่าว