เมื่อวันที่ 26 เมษายน ที่อำเภอไทรน้อย จ.นนทบุรี นพ.อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธี “เผาทำลายวัคซีนโปลิโอแบบหยอดชนิดที่ 2” ว่า โปลิโอเป็นโรคติดต่อร้ายแรง เกิดจากเชื้อไวรัสโปลิโอมี 3 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ 1, 2 และ 3 ในอดีตพบผู้ป่วยทั่วโลกปีละหลายแสนคน ซึ่งสถานการณ์ผู้ป่วยทั่วโลกลดลงเป็นจำนวนมาก โดยในปี 2558 พบการระบาดผู้ป่วยโรคโปลิโอเพียง 2 ประเทศ ได้แก่ อัฟกานิสถานและปากีสถาน สำหรับประเทศไทยพบผู้ป่วยรายสุดท้ายในเดือนเมษายน 2540 และอยู่ในสถานะปลอดโรคโปลิโอจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้ทั่วโลกไม่พบเชื้อไวรัสโปลิโอก่อโรคที่มีอยู่ตามธรรมชาติชนิดที่ 2 แล้วก็ตาม แต่ปัญหาคือยังพบเชื้อไวรัสโปลิโอที่มีในวัคซีนเกิดการกลายพันธุ์ในบางประเทศ ซึ่งมีสาเหตุจากความครอบคลุมของวัคซีนโปลิโอต่ำ ทั้งนี้ จากการติดตามสถานการณ์การระบาดของโรค ระหว่างปี 2558 ถึงปัจจุบัน พบว่ามีรายงานผู้ป่วยโรคโปลิโอจากการกลายพันธุ์ของวัคซีนแบบหยอดในประเทศเพื่อนบ้านของไทย 13 ราย
นพ.อำนวยกล่าวว่า การกวาดล้างเชื้อไวรัสโปลิโอชนิดที่ 2 ที่มีอยู่ในวัคซีนให้หมดไปจากโลก องค์การอนามัยโลกได้กำหนดมาตรการสับเปลี่ยนการใช้วัคซีนโปลิโอแบบรับประทานที่ประกอบด้วยเชื้อไวรัสโปลิโอ 3 ชนิด คือ ชนิดที่ 1, 2 และ 3 (trivalent OPV) เป็น 2 ชนิด คือ ชนิดที่ 1 และ 3 (bivalent OPV) เนื่องจากทั่วโลกสามารถกวาดล้างเชื้อดังกล่าวได้เป็นผลสำเร็จแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้วัคซีนที่มีเชื้อไวรัสโปลิโอชนิดที่ 2 เป็นส่วนประกอบ โดยองค์การอนามัยโลกได้กำหนดกรอบเวลาให้ประเทศต่างๆ ทำลายวัคซีนโปลิโอแบบหยอดชนิดที่ 2 ให้หมดไป ไม่มีการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม โดยการเผาทำลายตามมาตรฐานขยะติดเชื้อ กิจกรรมนี้นับเป็นกิจกรรมประวัติศาสตร์ ที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยที่จะร่วมมือกับนานาประเทศทั่วโลก ส่วนในประเทศไทยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สถานบริการทุกแห่งทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งขณะนี้ทุกจังหวัดอยู่ในระหว่างการเก็บรวบรวมวัคซีนแบบหยอดชนิด 3 สายพันธุ์เพื่อเผาทำลายตามมาตรฐานขยะติดเชื้อให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 28 เมษายน 2559 ซึ่งดำเนินการพร้อมเพรียงในช่วงเวลาเดียวกันทั่วโลก และตั้งแต่วันที่ 29 เมษายนเป็นต้นไป ถือว่าเป็นวันแรกที่ประเทศไทยจะเริ่มใช้วัคซีนชนิดใหม่ (bivalent OPV) และเชื้อโปลิโอสายพันธุ์ 2 หมดไปจากประเทศไทย