โฆษกทนายโอด รัฐบาลไม่สนับสนุนงบ ทั้งที่บุคลากรทนายความอาสาบนโรงพักพร้อมทำงาน

เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ว่าที่พันตรี สมบัติ วงศ์กำแหง โฆษกสภาทนายความ กล่าวถึงเเนวทางการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม และแนวทางการแก้ไขปัญหาอุปสรรคการดำเนินการระหว่างองค์กร โดยเฉพาะแผนระยะเร่งด่วน ซึ่งมีอยู่ 4 เเนวทาง ประกอบด้วย 1.การรับแจ้งความร้องทุกข์ต่างท้องที่ 2.การห้ามนำตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าว 3.โครงการทนายอาสาประจำสถานีตำรวจ และ 4.การปล่อยตัวชั่วคราวในวันหยุดราชการ ว่าในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสภาทนายความคือมาตรการเร่งด่วนข้อที่สามนั้น ทางสภาทนายความมีความพร้อมด้านบุคคลากรที่เป็นทนายความอยู่ทั่วประเทศแต่คงต้องดูรายละเอียดว่า รัฐจะให้ใครเป็นผู้รับผิดชอบในมาตรการนี้ ทั้งการจัดสรรงบประมาณ และอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในโครงการทั้งหมดต้องมีประสิทธิภาพและเพียงพอต่อการดำเนินการ ซึ่งที่ปฏิบัติอยู่เดิมเป็นการรับเงินงบประมาณงานช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายจากงบประมาณแผ่นดิน ผ่านทางกระทรวงยุติธรรม เพียงปีละ 50 ล้านบาท แต่ต้องช่วยเหลือประชาชนทั้งประเทศ คิดเป็นต่อหัวประชากรทั้งประเทศ ได้ไม่ถึง 1 บาทต่อคน สภาทนายความเองต้องจัดสรรงบประมาณ ของสภาทนายไปสมทบ ทั้งที่ สภาทนายความยังมีภาระหนี้สินค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการสภาทนายความอยู่กว่า 300 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาค่าตอบแทนทนายความอาสา จะได้วันละ 1,000 บาท ขณะนี้สภาทนายความยังมียอดค้างจ่ายทนายความอาสาอีกหลายสิบล้านบาท จะเห็นได้ว่าในต่างประเทศ รัฐให้การสนับสนุนสภาวิชาชีพ โดยมีงบประมาณสนับสนุน ทั้งการก่อสร้างที่ทำการด้วย แต่ในประเทศไทย กลับไม่มีงบประมาณสนับสนุน สภาทนายความต้องไปกู้เงินจากธนาคารมาดำเนินการก่อสร้างเอง เมื่อรัฐมีนโยบายให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ก็จะคิดถึงสภาทนายความ กำหนดมาตรการให้สภาทนายความรับผิดชอบ
ขอเรียนว่างานช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย สภาทนายความสามารถช่วยเหลือประชาชนโดยไม่มีข้อจำกัดและมีบุคลากรที่มีคุณสมบัติครบถ้วน พร้อมดูแลประชาชนทุกคนได้ทันที และพร้อมตอบสนองนโยบายของรัฐบาล ในทุกนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนแต่อยากเรียกร้องให้ รัฐบาล ช่วยดูแลสภาทนายความ ให้ปลอดภาระหนี้สิน และมีงบประมาณที่เพียงพอ ต่อการดำเนินการต่างๆ ด้วย ซึ่งนอกจากการช่วยเหลือประชาชนทางด้านการให้คำปรึกษา การจัดทนายความช่วยว่าต่างแก้ต่างทางคดี สภาทนายความยังมีโครงการเผยแพร่ความรู้ทางกฏหมายให้แก่ประชาชนทั่วประเทศด้วย แต่ในระยะหลังนี้ ยังไม่สามารถดำเนินการได้อย่างทั่วถึง เพราะมีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ