คืบหน้ากรณีชุมชนป้อมมหากาฬ เขตพระนคร ซึ่งกทม. แจ้งให้ย้ายออกภายในวันที่ 30 เมษายนนี้เพื่อปรับปรุงพื้นที่เป็นสวนสาธารณะหลังยืดเยื้อมานาน 24 ปีนั้น เมื่อวันที่ 26 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการก่อตั้งเฟซบุ๊กแฟนเพจชื่อว่า Mahakan MODEL เนื้อหาเกี่ยวกับชุมชนป้อมมหากาฬ โดยนำเสนอข้อมูลวิจัย และผลงานวิชาการต่างๆ ที่เข้าใจง่าย เพื่อสื่อสารกับสังคม สร้างความรู้ความเข้าใจในชุมชนดังกล่าว มีเป้าหมายให้เกิดการพัฒนาเมืองอย่างสร้างสรรค์ รวมถึงทางออกของกรณีชุมชนป้อมมหากาฬ เป็นต้น
นายศานนท์ หวังสร้างบุญ แอดมินเพจ Mahakan MODEL กล่าวว่า ตนและกลุ่มอาสาสมัครมีความสนใจเรื่อง การพัฒนาเมือง อยากเห็นกรุงเทพฯเป็นมหานครที่ทัดเทียมเมืองใหญ่ๆในต่างประเทศ มีเสน่ห์ที่แตกต่าง มีชีวิตชีวา และน่าอยู่กว่าปัจจุบัน ด้วยปัญหาของชุมชนป้อมมหากาฬนี้ จึงรวมกลุ่มกันขึ้นเฉพาะกิจ และสร้างเพจดังกล่าวขึ้น เพื่อเผยแพร่ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับป้อมมหากาฬ โดยย่อยให้เข้าใจง่าย นำเสนอทางเลือกที่มีผู้วิจัยไว้ เพื่อเป็นทางออก และเป็นโมเดลของการพัฒนากรุงเทพในอนาคต
“เราไม่ต้องการเป็นกลุ่มใหม่ที่คิดข้อเสนอใหม่เรื่องป้อมมหากาฬ แต่สิ่งที่เราทำคือการค้นคว้า อ่าน และนำข้อมูลวิจัยทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นเกี่ยวกับพื้นที่บริเวณป้อมมหากาฬที่ มีปัญหากว่า 24 ปีแล้วนี้มานำเสนอ เช่นเรานำข้อเสนอของชุมชน ข้อเสนอในงานวิจัยของมหาวิทยาลัยศิลปากร ข้อเสนอทางวิชาการมากมายที่เคยทำเกี่ยวกับพื้นที่ป้อมมหากาฬนี้ มาสรุป และย่อยเป็นข้อมูลที่เข้าใจง่ายขึ้น และเผยแพร่ให้เพื่อนๆได้อ่าน ดู และฟัง ความตั้งใจของเรานั้น เราไม่ต้องการต่อต้านใคร แต่อยากนำเสนอทางเลือกที่เป็นรูปแบบของการพัฒนาที่มีคนเคยทำไว้ และเราคิดว่านี่คือทางออกของป้อมมหากาฬ เพื่อเป็นโมเดลในการพัฒนาเมืองในอนาคต ตอนนี้ นอกจากเพจแล้ว ก็มีเวปไซต์ http://www.mahakanmodel.com/ ด้วยเพื่อเป็นคลังรวบรวมข้อมูลด้วย เพราะบางครั้งเฟซบุ๊กไม่สามารถเก็บเรื่องราวได้ครบถ้วน” นายศานนท์กล่าว
นายศานนท์ยังกล่าวอีกว่า ทางเพจจะสรุปเนื้อหารายงานวิจัยของมหาวิทยาลัยศิลปากรที่ร่วมมือกับ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการ กรุงเทพฯในอดีต เมื่อปี 2548 นำมาทำเป็นภาพ Perspective ให้เข้าใจง่าย รวมถึง สรุปบทเรียนจากต่างประเทศ ในพื้นที่ที่มีความคล้ายคลึงกับป้อมมหากาฬ ซึ่งเป็นพื้นที่ชุมชนโบราณว่ามีวิธีการจัดการอย่างไร เพื่อเป็นตัวอย่างที่อาจนำมาปรับใช้ได้ เช่น Bukchon Hanok Village กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้
“ตัวอย่างที่นำเสนอในเพจ จะยกกรณีที่อาจนำมาปรับใช้กับกรณีป้อมมหากาฬได้ เช่น หมู่บ้านในกรุงโซลที่เป็นย่านเก่าแก่ของบรรดาขุนนางซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่าไม่ไกลจากพระราชวัง ต่อมาหลังจากคาบสมุทรเกาหลีถูกญี่ปุ่นเข้ายึดครอง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบ้านเรือน สถาปัตยกรรมต่างๆ ในแถบนี้ รวมถึงอาคารในย่านนี้หายไปเป็นจำนวนมากจากการขยายตัวของเมืองในช่วงปี 1990 ทางออก คือ คนในพื้นที่ นักวิชาการ และรัฐบาลร่วมกันจัดตั้งนโยบายอนุรักษ์พื้นที่เมืองเก่า โดยปรับปรุงระบบภายในของบ้านบางส่วนให้สถาปัตยกรรมเก่าแก่ซึ่งเป็นมรดกของ ชาติเหล่านี้สามารถมีคนอยู่อาศัยได้ในบริบทปัจจุบัน รวมถึงมีโซนเฉพาะสำหรับให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเรียนรู้วัฒนธรรมของชาวเกาหลี” นายศานนท์กล่าว และว่าทางกลุ่มอาสาสมัคร ยังลงพื้นที่ไปพูดคุยกับชาวบ้าน ถึงความพร้อมในการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต หากต้องอยู่ร่วมกับพื้นที่สาธารณะในรูปแบบพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตตามข้อเสนอจากงานวิจัยของนักวิชาการ ว่ามีความคิดเห็นและมีคำมั่นสัญญาอย่างไรบ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเพจดังล่าวขึ้น มีผู้สนใจติดตามจำนวนมาก ส่วนใหญ่ชื่นชมถึงความตั้งใจของกลุ่มอาสาสมัคร ซึ่งมีการรวบรวมข้อมูลอย่างละเอียด แต่ทำความเข้าใจได้ง่าย อีกทั้งมีภาพประกอบที่สวยงาม ทำให้มองเห็นเสน่ห์ของวิถีชุมชนป้อมมหากาฬในอีกมิติหนึ่ง
นางสาวอินทิรา วิทยสมบูรณ์ นักกิจกรรมด้านสังคมที่เคลื่อนไหวร่วมกับชุมชนป้อมมหากาฬกล่าวว่า ชุมชนเตรียมตัวเองมาตลอดต่อเรื่องนี้ ดังนั้นถามว่าตื่นกลัวไหม ก็คงจะมีบ้างที่กังวลใจ แต่ขณะเดียวกันก็คงมีความเชื่ิอบางอย่างว่า จะมีทางออกเพราะที่ผ่านมา นับตั้งแต่กทม.ติดป้ายแจ้งกำหนดวันให้ย้ายออก ชุมชนไม่ได้เพิกเฉยดังนั้น จึงก็เชื่อว่า อย่างน้อยสิ่งที่ชุมชนได้เคลื่อนไหวในหลายช่องทางระหว่างที่ผ่านมาจะนำไปไปสู่การคลี่คลายสถานการณ์นี้ได้