คอลัมน์สัพเพเหระคดี : เหตุที่ไม่รอ : โอภาส เพ็งเจริญ

คุณจำนูญเป็นพนักงานขับรถประจำทางระหว่างอำเภอกับจังหวัด

ระหว่างขับๆ ไป ล้วงฉวยโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจากกระเป๋าหน้าอกเสื้อ ว่าจะนำออกไปวางไว้ตรงบริเวณหน้ารถข้างๆ ตัวนั่นละ

ยังไม่ทันได้วาง เกิดหลุดมือ ร่วงหล่นลงพื้นรถ

คุณจำนูญละสายตาจากถนน ก้มดู ขณะมือซ้ายเอื้อมลงไปคว้า ส่วนมือขวายังอยู่ที่พวงมาลัย

Advertisement

วินาทีนั้นเอง รถแฉลบออก มือเดียวคุมไม่อยู่ รถพุ่งลงข้างทางแล้วไปปะทะต้นไม้ใหญ่อย่างจัง

ผู้โดยสารตายก็มี เจ็บก็มาก ทั้งเจ็บน้อยและเจ็บมาก แม้ที่เจ็บมากจะน้อยคน ส่วนเจ็บน้อยมากคนก็ตาม

คุณจำนูญให้การรับสารภาพ ในความผิดอาญายาวเหยียดตามประมวลกฎหมายอาญาและ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ที่ถูกพนักงานอัยการฟ้อง

Advertisement

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า คุณจำนูญมีความผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับอันตรายสาหัส และได้รับอันตรายแก่กาย และฐานขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 291 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 4 ปี ฐานไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือตามสมควร และพร้อมแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันทีฯ จำคุก 4 เดือน รวมจำคุก 4 ปี 4 เดือน

แต่รับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 2 ปี 2 เดือน

คุณจำนูญอุทธรณ์คดี

ศาลชั้นอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 2 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี

คุณจำนูญฎีกาคดี ขอให้ลงโทษสถานเบา และรอการลงโทษ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คุณจำนูญประกอบอาชีพรับจ้างขับรถโดยสารประจำทาง จึงต้องตระหนักถึงความปลอดภัยต่อชีวิตผู้โดยสาร

การที่คุณจำนูญขับรถด้วยความเร็วสูงเกินสมควร และก้มมองพื้นเพื่อหาสิ่งของ เป็นเหตุให้คุณจำนูญสูญเสียการควบคุมบังคับรถ รถจึงเสียหลักแฉลบลงข้างทางและกระแทกต้นไม้ใหญ่ริมถนนอย่างแรง ทำให้ผู้โดยสารในรถถึงแก่ความตาย ได้รับอันตรายสาหัส และได้รับอันตรายแก่กายหลายคน เป็นการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบต่อความปลอดภัยในชีวิตและร่างกายของผู้อื่น

พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องร้ายแรง แม้บริษัทผู้รับประกันรถยนต์ของคุณจำนูญหรือคุณจำนูญได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายแล้ว และคุณจำนูญไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน มีภาระต้องดูแลบุคคลในครอบครัว หรือมีเหตุอื่นตามที่อ้างมาในฎีกา ก็มิใช่เหตุเพียงพอที่จะรับฟังเพื่อรอการลงโทษจำคุกให้

พิพากษายืน

เป็นอันว่าคุณจำนูญต้องเดินก้มหน้าเข้าคุกไป


(เทียบคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8118/2559)


ประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 56 วรรคแรก ผู้ใดกระทำความผิด ซึ่งมีโทษจำคุก และในคดีนั้นศาลจะลงโทษจำคุกไม่เกินห้าปี ถ้าไม่ปรากฏว่าผู้นั้นได้รับโทษจำคุกมาก่อน หรือปรากฏว่าได้รับโทษจำคุกมาก่อน แต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ เมื่อศาลได้คำนึงถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรมสุขภาพ ภาวะแห่งจิต นิสัยอาชีพและสิ่งแวดล้อมของผู้นั้น หรือสภาพความผิด หรือเหตุอื่นอันควรปรานีแล้ว เห็นเป็นการสมควรศาลจะพิพากษาว่าผู้นั้นมีความผิด แต่รอการกำหนดโทษไว้ หรือกำหนดโทษแต่รอการลงโทษไว้ แล้วปล่อยตัวไปเพื่อให้โอกาสผู้นั้นกลับตัวภายในระยะเวลาที่ศาลจะได้กำหนด แต่ต้องไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่ศาลพิพากษา โดยจะกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของผู้นั้นด้วยหรือไม่ก็ได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image