เมื่อวันที่ 27 เมษายน ที่จังหวัดสุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังภัยแล้งหนักสุดในรอบ 30 ปีขยายวงกว้างลุกลามในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ทำให้พื้นที่หลายแห่งต่างประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ เกษตรกรหยุดการทำนาปรัง หันปลูกพืชใช้น้ำน้อยสู้ภัยแล้ง หลังน้ำต้นทุนเหลือน้อยใช้ได้เพียงอุปโภคและบริโภค ส่งผลกระทบต่อสัตว์เลี้ยงวัวควาย ที่ออกหากินหญ้าตามทุ่งนา ต้องขาดแคลนอาหาร และแหล่งน้ำ ทำให้ต้องนำวัวควายออกหากินไกลหลายกิโลเมตรในแต่ละวัน ซึ่งพื้นที่เลี้ยงวัวควาย ก็ลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง แหล่งน้ำก็เหลือน้อยแห้งขอดคลอง ขณะที่คนเลี้ยง วัว ควาย ต้องสู้ภัยแล้ง ด้วยการลงทุนขุดเจาะบ่อบาดาล พร้อมติดตั้งเที่โยกสูบน้ำ แบบมือโยกโบราณ เพื่อดูดน้ำบาดาลใต้ดินที่ขุดลึกกว่า 20 เมตร ออกมาให้วัวควาย ได้กินในแต่ละวัน เพื่อประทังชีวิตให้รอดพ้นวิกฤตความแห้งแล้งไปให้ได้
นายสูตร สร้อยระย้า อายุ 69 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 ม.16 ต.สลักได อ.เมือง จ.สุรินทร์เกษตรกรผู้เลี้ยงวัวควาย กล่าวว่า ตนลงทุนขุดเจาะน้ำบาดาล 5,000 บาท และซื้อที่โยกน้ำ อีก 1,500 บาท เพื่อโยงสูบน้ำบาดาล สำหรับเลี้ยงวัวควายจำนวน 10 ตัว เพิ่งเจาะมาได้ 2-3 เดือน ตอนนี้แล้งกระทบเดือดร้อน เรื่องน้ำให้วัวควายกินต้องจูงไปหาแหล่งน้ำให้วัวควายดื่มกินไป-มา หลายกิโลเมตร อยากให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือชาวบ้านบ้าง เพราะตอนนี้เดือดร้อนหนักไม่มีน้ำใช้เลี้ยงวัวควาย และทำการเกษตรแล้ว ต้องควักเงินส่วนตัวแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ต้องสูบน้ำให้วัวควาย 3 เวลา เช้า เที่ยง เย็น ใส่ถัง 200 ลิตรใช้เวลาเกือบชั่วโมงหนึ่ง วันหนึ่งต้องสูบน้ำประมาณ 600 ลิตร ต้องใช้เวลาโยกดูดน้ำบาดาลกว่า 6 ชม. โดยใช้แรงงานสองสามีภรรยาสูบกันเองแม้จะเหนื่อยและร้อนก็ต้องทนเอา ไฟฟ้าก็ไม่มีจะเข้าที่นาอีกด้วย
