เครือข่ายหมออนามัยหนุน สปสช.ตั้งกองทุนส่งเสริมสุขภาพอำเภอ ขอเลขาฯใหม่เน้นงานเชิงรุก

นายปิ่น นันทะเสน นายกสมาคมวิชาชีพสาธารณสุข และเลขาธิการสภาการสาธารณสุขชุมชน กล่าวว่า ขณะนี้ทางเครือข่ายหมออนามัย ได้แก่ ชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย สมาคมหมออนามัย มูลนิธิเครือข่ายหมออนามัย และสมาคมวิชาชีพสาธารณสุข นำโดย นายปรเมฐ์ จินา ประธานชมรมสาธารณสุขอำเภอ นายสาคร นาต๊ะ นายกสมาคมหมออนามัย และนายธาดา วรรธนปิยกุล ประธานมูลนิธิเครือข่ายหมออนามัย จัดประชุมวิชาการ “รวมพลังหมออนามัย สร้างสภาเพื่อความก้าวหน้าวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน” ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎวไลยอลงกรณ์ จ.ปทุมธานี โดยจะประชุมหารือไปจนถึงวันที่ 29 เมษายน เพื่อสร้างการรับรู้และมีส่วนร่วมในการพัฒนาวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน ในการหนุนเสริมระบบสุขภาพที่เข้มแข็งของประเทศไทย

นายปิ่น กล่าวว่า ขณะนี้แม้สถานการณ์ของบ้านเมืองจะยังไม่ปกติ แต่ในส่วนของสาธารณสุข ภายใต้การนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กลับเห็นการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่สามารถทำงานร่วมกันและช่วยเหลือกันดีขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้ทีมงานในพื้นที่แก้ไขปัญหาและทำงานเชิงรุกได้ง่ายขึ้นเป็นโอกาสที่จะมีการปฏิรูปพัฒนาระบบสาธารณสุขครั้งใหญ่เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์มากขึ้น ประกอบกับขณะนี้ พ.ร.บ.วิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ.2556 ได้ประกาศใช้แล้ว และอยู่ในระหว่างเตรียมการเลือกตั้งคณะกรรมการวิชาชีพอย่างเป็นทางการ ทางเครือข่ายจึงได้จัดประชุมดังกล่าว เพื่อเตรียมความพร้อมให้สมาชิกเครือข่ายมีส่วนร่วมกับการปฏิรูปประเทศ และเป็นเจ้าของสภาวิชาชีพใหม่

นายปิ่น กล่าวว่า ในส่วนของการสรรหาเลขาธิการ สปสช.คนใหม่นั้น เป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญเพราะเป็นผู้ดูแลการบริหารระบบหลักประกันสุขภาพทั้งประเทศ เครือข่ายวิชาชีพสาธารณสุขเห็นว่าเลขาธิการ สปสช.คนใหม่ จำเป็นต้องเป็นผู้ที่มีประสบการณ์สูง รู้งานนโยบายและงานปฏิบัติในพื้นที่ มีความเข้าใจและสามารถทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายต่างๆ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้ และที่สำคัญต้องเป็นผู้บริหารจัดการระบบเก่ง เห็นความสำคัญของงานสาธารณสุขเชิงรุก สามารถทำให้งานของ สปสช.ต่อเนื่องได้

ด้านนายธาดา วรรธนปิยกุล ประธานมูลนิธิเครือข่ายหมออนามัย กล่าวว่า เครือข่ายหมออนามัยได้มีข้อเสนองานส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคไปยังกระทรวงสาธารณสุข และสปสช.ว่าเพื่อสนับสนุนระบบบริการปฐมภูมิและสุขภาพชุมชนให้เข้มแข็งมากขึ้นสอดคล้องกับการปฏิรูปประเทศ ควรปรับวิธีสนับสนุนงบประมาณส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค โดยจัดตั้งเป็นกองทุนส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคระดับอำเภอและมีการตั้งคณะกรรมการระดับอำเภอที่ประกอบด้วยหลายภาคส่วน เพื่อบริหารดูแลปัญหาสาธารณสุขในพื้นที่ร่วมกับกองทุนหลักประกันสุขภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้เพื่อให้งานสาธารณสุขในพื้นที่เกิดความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image