ชาวเชียงรายไม่ทน ร้อง”นายกตู่ฯ”ช่วย ขายข้าวอินทรีย์ไม่ได้เงินเกือบ4ล้าน

เมื่อวันที่​ 26 ตุลาคม​ ที่ศาลากลาง จ.เชียงราย ได้มีชาวบ้านจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนข้าวอินทรีย์บ้านป่าเปา หมู่ 4 ต.เจริญเมือง อ.พาน จ.เชียงราย ประมาณ 100 คน นำโดยนายจันทร์ติ๊บ คำอ้าย ประธานกลุ่ม ได้พากันไปชุมนุมที่ศาลากลาง จ.เชียงราย เพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือติดตามเงินจากการจำหน่ายข้าวอินทรีย์ที่สมาชิกในกลุ่มได้ปลูกและจำหน่ายแล้วไม่ได้คืนโดยเป็นเงินรวมกันกว่า 3,728,555 บาท โดยชาวบ้านได้ถือป้ายเรียกร้องข้อความต่างๆ เช่น อดทนมาเป็นปีวันนี้มาขอความเป็นธรรม ท่านนายกตู่ช่วยชาวบ้านด้วย พวกเราขายข้าวมาเป็นปียังไม่ได้เงินหมดเลย ฯลฯ

ต่อมานายลิขิต มีเสรี ผู้อำนวยการสำนักงานศูนย์ดำรงค์ธรรม จ.เชียงราย พ.อ.พักตร์พงษ์ เงสันเที๊ยะ หัวหน้ากลุ่มงานนโยบายแผนและการข่าว กอ.รมน.จ.เชียงราย พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้ารับเรื่องจากชาวบ้านซึ่งมีการยื่นหนังสือมีเนื้อหาว่ากลุ่มได้รวมตัวกันเป็นสมาชิกจำนวน 69 ราย เข้ารับการส่งเสริมให้ปลูกข้าวอินทรีย์จากโรงเรียนชาวนาโดยมี น.ส.เกษลักษณ์ หาราชัย เป็นประธานวิสาหกิจชุมชนไร่เชิญตะวัน จากนั้นได้เข้าอบมและปลูกข้าวอินทรีย์ตามสัญญาที่มีกับวิสาหกิจชุมชนดังกล่าวมาได้ 3 ปีแล้ว โดยช่วงปีที่ 1-3 ก็ได้รับเงินจากการจำหน่ายตามปกติกระทั่งปีที่ 4 งวดล่าสุดวันที่ 21 ธันวาคม 2560 ปรากฎว่าหลังจากชาวนาปลูกข้าวส่งให้วิสาหกิจชุมชนมูลค่ารวมกันทั้งหมด 6,095,829 บาท ปรากฎว่ามีการชำระเงินเพียงแค่ 2,367,274 บาท คงเหลืออีกกว่า 3,728,555 บาทที่ยังไม่ได้รับ

นายจันท์ติ๊บ กล่าวว่าโดยเฉลี่ยแต่ละคนมีเงินคงค้างประมาณ 10,000-200,000 บาท ทำให้ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะใช้เงินทุนในการเก็บเกี่ยวข้าวของตัวเอง ส่งลูกหลานเข้าเรียน และอื่นๆ สารพัด ต้องกู้หนี้ยืมสินเพิ่มเติมและตนในฐานะประธานกลุ่มก็ยังไม่ได้รับประมาณ 100,000 บาท ส่วนของชาวบ้านบางราย 200,000 กว่าบาทซึ่งเงินจำนวนนี้เมื่อยืดเยื้อมากว่า 1 ปีถือว่าสำคัญกับชาวนาอย่างมากเพราะต้องใช้หมุนเวียนในชีวิตประจำวัน ทำให้ที่ผ่านมาเคยไปทวงถามกับ น.ส.เกษลักษณ์ ปรากฎว่ามีการบ่ายเบี่ยงและเลื่อนเวลามาโดยตลอด โดยอ้างว่าติดขัดเรื่องสถาบันการเงินกระทั่งครั้งล่าสุดเลื่อนว่าจะมอบเงินให้ในวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมาก็ยังไม่มอบให้ทำให้ชาวบ้านหมดความอดทนและต้องมาร้องขอความเป็นธรรมกับจังหวัดในที่สุด

ชาวบ้านระบุอีกว่าที่ผ่านมาได้ปลูกข้าว กข.15 แบบอินทรีย์คือไม่ใช้สารเคมีใดๆ จากนั้นส่งมอบให้กับวิสาหกิจชุมชนเพื่อนำไปบรรจุจำหน่ายต่อไป โดยปีแรกให้ราคากิโลกรัมละ 13 บาท ปีที่ 2 ให้ราคา 14 บาทและปีที่ 3 ให้ราคา 15 บาท แต่หากเป็นข้าวหอมนิล ข้าวไรซ์เบอรี่และข้าวเหนียวดำ ให้ราคาปีแรกกิโลกรัมละ 18 บาท ปีที่ 2 ให้ราคา 19 บาท และปีที่ 3 ให้ราคา 20 บาท แต่ปรากฎว่าปีนี้เป็นปีที่ 4 ปรากฎว่าได้เกิดปัญหาขึ้นดังกล่าว

Advertisement

รายงานข่าวแจ้งว่าต่อมาเจ้าหน้าที่ให้ร่วมเจรจาเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านและได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังผู้บริหารวิสาหกิจชุมชนดังกล่าวด้วย จากนั้นได้แจ้งกับชาวบ้านว่าได้รับแจ้งจากวิสาหกิจชุมชนว่าได้นำโครงการเข้าสู่ระบบสถาบันการเงินจากนั้นนำข้าวไปบรรจุจำหน่ายตามร้านสะดวกซื้อแต่ปรากฎว่าติดขัดเรื่องการเงินจึงไม่สามารถส่งมอบเงินที่เหลือให้กับชาวบ้านได้ ซึ่ง พ.อ.พักตร์พงษ์ ได้แจ้งให้มีการนัดเจรจากับชาวบ้านที่ศาลากลาง จ.เชียงราย ในวันพุธที่ 1 พ.ย.นี้ ขณะที่ช่วงต้นชาวบ้านยืนยันว่าถ้าไม่ได้คำตอบจะไม่ยอมกลับเพราะทนมานานกว่า 1 ปีจนเดือดร้อนหนักแล้ว

แต่เจ้าหน้าที่ขอให้ผ่านพ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ที่จะมีขึ้นที่ จ.เชียงราย ระหว่างวันที่ 29-30 ต.ค.นี้ก่อนจะเร่งดำเนินการให้ทันที โดยเฉพาะแจ้งว่าทาง ผบ.ทบ.มีนโยบายให้ฝ่ายทหารลงไปดูแลเรื่องทางการเกษตรของประชาชนด้วยจึงยืนยันว่าเรื่องนี้จะต้องมีคำตอบให้กับชาวบ้านอย่างแน่นอนทำให้ชาวบ้านแยกย้ายกันกลับไปรอการเจรจาตามวันและเวลาดังกล่าวต่อไป.

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image