แนวโน้มไข้เลือดออกรุนแรงขึ้น หมอแนะ11ปีขึ้นไปต้องฉีดวัคซีน

เมื่อวันที่ 28 เมษายน นพ.ธีรพงษ์ ตัณฑวิเชียร นายกสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการศึกษาตรวจวิเคราะห์เลือดในเด็กนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาที่กำแพงแสน จ.นครปฐม พบว่าร้อยละ 50 แสดงอาการป่วยหลังได้รับเชื้อ และในจำนวนนี้มีร้อยละ 10 ต้องเข้าโรงพยาบาล และร้อยละ 2-3 มีอาการรุนแรง ส่วนอีกร้อยละ 50 ไม่แสดงอาการหลังได้รับเชื้อเข้าไป ดังนั้นตัวเลขผู้ป่วยที่มีการรายงานจริง กับตัวเลขการติดเชื้อจริงจะมากกว่านั้นอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ที่สำคัญคือตรงนี้ทำให้มีการคาดคะเนว่าต่อไปอาจจะมีผู้ป่วยไข้เลือดออกชนิดรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เพราะไข้เลือดออกชนิดรุนแรงมักเกิดขึ้นในการติดเชื้อครั้งหลังๆ ซึ่งขณะนี้ในประเทศไทยและประเทศในเอเชียพบว่าป่วยไข้เลือดออกชนิดรุนแรงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใหญ่ พบว่ามีการติดเชื้อประมาณร้อยละ 30-40 และคาดว่าในอนาคตโรคมาลาเรียจะถูกบดบังด้วยไข้เลือดออก
“ข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขพบว่ามีเด็กเป็นโรคไข้เลือดออกมากที่สุด แต่กลุ่มผู้ใหญ่จะมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าเด็ก ซึ่งร้อยละ 50 ที่เสียชีวิตเป็นเนื่องวินิจฉัยช้า เพราะแพทย์ไม่มีความชำนาญและคาดไม่ถึง ส่วนใหญ่คิดว่าโรคไข้เลือดออกจะพบในวัยเด็กมากกว่า” นพ.ธีรพงษ์กล่าว และว่า ยืนยันว่าไวรัสยังไม่มีการกลายพันธุ์ ในประเทศไทยยังป่วยด้วยไวรัสเดงกี่สายพันธุ์ที่ 1, 2, 3 และ 4 อยู่ แต่ที่พบผู้ป่วยมากขึ้นเชื่อว่าสภาวะโลกร้อนก็เป็นปัจจัยหนึ่ง แต่ปัจจัยสำคัญคือเรื่องของการเดินทางระหว่างประเทศ ประชาคมเปลี่ยนแปลง การเติบโตของชุมชนอย่างรวดเร็ว สิ่งแวดล้อมต่างๆ น้ำขังมากขึ้น ประกอบกับพัฒนาการทางการแพทย์ดีขึ้นทำให้มีการส่งตรวจวินิจฉัยมากขึ้น เป็นต้น
นพ.ธีรพงษ์กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกตัวแรกของโลกออกมาแล้ว และในหลายๆ ประเทศได้เริ่มดำเนินการฉีดให้ประชาชนของตัวเองแล้ว ส่วนประเทศไทยยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ส่วนตัวแล้วยังไม่ค่อยพอใจกับผลของการป้องกันโรคที่พบว่าสามารถป้องกันได้ร้อยละ 60 เพราะถ้าจะป้องกันการระบาดได้ต้องให้ประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้อย่างน้อยร้อยละ 90 ขึ้นไป แต่ที่รับได้คือวัคซีนตัวนี้จะช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ถึงร้อยละ 80 ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ อย่างไรก็ตาม หาก อย.อนุมัติให้มีการใช้ได้แล้วนั้น เห็นว่าเนื่องจากประเทศไทยค่อนข้างมีงบประมาณจำกัดอาจจะต้องพิจารณาฉีดเพื่อหวังผลในการลดความรุนแรงของโรคเป็นหลัก จึงต้องมีการวางโปรแกรมให้ดีว่าจะฉีดให้กับใคร เช่นกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อในครั้งหลังๆ ส่วนตัวเห็นว่าน่าจะเป็นผู้ที่มีอายุประมาณ 11-12 ปีขึ้นไป

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image