จิตแพทย์ระบุนิยม’ลูกเทพ’ ไม่ผิดปกติทางจิต เป็นความเชื่อบวกที่พึ่งทางใจ

จากกระแสตุ๊กตาลูกเทพในปัจจุบันนี้ ที่ปรากฏให้เห็นถึงการเปิดธุรกิจให้บริการต่างๆ เพิ่มเติมให้กับ “ตุ๊กตาลูกเทพ” มากขึ้น ทั้งร้านจำหน่ายเสื้อผ้า เครื่องประดับสำหรับตุ๊กตาลูกเทพ ไปจนถึงร้านเสริมสวย ที่พัก ร้านอาหาร การรับจ้างดูแล ตลอดจนการจำหน่ายตั๋วที่นั่งของสายการบิน และรถโดยสาร ให้กับตุ๊กตาลูกเทพเป็นการเฉพาะนั้น

นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า พื้นฐานจิตใจของคนไทยส่วนมากมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องไสยศาสตร์อยู่แล้ว ทุกคนล้วนมีความเชื่อในเรื่องลี้ลับกันทั้งสิ้น ไม่ได้ต่างอะไรไปจากคนสมัยก่อนที่เลี้ยงกุมารทอง ซึ่งจะว่าไปแล้ว ตุ๊กตาลูกเทพ ก็คือ การประยุกต์ไสยศาสตร์ให้มาหลอมรวมกับยุคดิจิตอลได้อย่างลงตัว อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพไม่ถือว่าเป็นผู้ที่มีความผิดปกติทางจิต ส่วนหนึ่งมาจากกระแสของสังคม และ อีกส่วนก็มาจากความเชื่อส่วนตัว ซึ่งอาจมีบ้างที่เลี้ยงเพื่อต้องการที่พึ่งทางใจ เพราะตามหลักทางจิตวิทยา ก็สามารถอธิบายได้ว่า เราทุกคนยังต้องการแสวงหา ในสิ่งที่จิตใจยังขาดอยู่ บางคนมีความไม่สบายใจอะไรบางอย่าง หรือบางคนนั้นรู้สึกว่าขาดอะไรสักอย่างในชีวิต จึงต้องการบางสิ่งบางอย่างมายึดเหนี่ยวจิตใจ ซึ่งตรงนี้ อยากแนะนำให้ยึดเหนี่ยวศาสนาเป็นที่พึ่งจะดีกว่าเพราะมีที่มาที่ไปชัดเจนและเชื่อถือได้ นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่เลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพทุกท่าน ก็อยากขอแนะนำว่า การที่เราจะรับพรจากสิ่งใดนั้น ต้องเกิดจากการคิดดี ทำดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวส่งเสริมให้ความหวังเกิดผลสำเร็จ ได้อย่างแท้จริงแน่นอน

นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ หัวหน้ากลุ่มที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กล่าวเพิ่มเติมว่า ถ้ามองว่าเป็นความเชื่อ เหล่านี้ ก็คือการเสริมสร้างกำลังใจประเภทหนึ่ง คือ ความศรัทธาในรูปแบบหนึ่ง แต่ความศรัทธาเหล่านี้ก็ต้องอยู่บนหลักของความจริงด้วย ด้วยการทำงานอย่างมุ่งมั่น วางแผนอย่างดี ใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง จึงจะเกิดผล อย่างไรก็ตาม ในอีกมุมหนึ่ง เป็นเรื่องของ การหาผลประโยชน์จากการตลาด ที่เห็นได้ตั้งแต่การใช้ บุคคลที่มีชื่อเสียง หรือ ดารา มาเป็นผู้นำหรือมีอิทธิพลทางความคิดต่อคนอื่นๆ ผนวกกับ การนำความเชื่อ ความศรัทธาของคนในเรื่องลี้ลับ โชค ลาภ เข้ามาดึงดูดความสนใจ ตลอดจนการอาศัยโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นช่องทางการสื่อสารที่ถูกส่งต่อไปได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง เมื่อเห็นบ่อยๆ ซ้ำๆ จึงกลายเป็นกระแสฮิตได้ไม่ยากนัก

“ ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสฮิตที่เกิดขึ้นเป็นการเปิดโอกาสให้มิจฉาชีพ เข้ามาหลอกลวง หวังผลประโยชน์ได้เสมอ จึงขอให้ระวังให้มาก สิ่งที่สามารถทำได้ ก็คือ การมีสติ อย่ารีบตอบสนอง โดยไม่ยั้งคิด ซึ่งสติจะช่วยให้เราไม่ประมาท ยับยั้งชั่งใจตัวเองได้ ไม่คิด พูด ทำ อย่างหุนหันพลันแล่น จะได้ไม่ถูกหลอกลวง เสียทรัพย์สินเงินทองมากมาย ทั้งนี้ คนไทยเป็นศาสนิกที่ดี ขอให้ยึดหลักศาสนาไว้ ถ้าอยากเป็นสุขก็ต้องขยันทำมาหาเลี้ยงชีพ ไม่ก่อหนี้ยืมสิน ใช้จ่ายให้พอดี ไม่สุรุ่ยสุร่าย เป็นต้น” นพ.ยงยุทธกล่าว

Advertisement

///////////

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image