คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ฉวยจังหวะเวลาอันงดงามที่เลือกเอา “ก่อนวันสิ้นปี” แถลง “มติ ป.ป.ช.” 5 ต่อ 3 ให้ “ยุติ” ข้อกล่าวหาที่มีต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม “พี่ใหญ่” แห่ง คสช.
ทุกคนทุกฝ่ายทุกสายความคิดต่างมีอาการ “ตาค้าง” ทั่วประเทศ !
สุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม เคยครอบครองรถโฟล์ก และอ้างว่า “ยืมเพื่อน” มาก็ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ฐานจงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สิน
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ลืมแจ้งหุ้นมูลค่า 1.5 แสนบาท “ป.ป.ช.” ก็ชี้มูล จงใจปกปิดทรัพย์สิน จนที่สุดต้องติดคุก
นาฬิกา 22 เรือนที่ว่า “พี่ใหญ่” ยืมเพื่อนมาสวมใส่นั้นล้วนเลิศหรู มีตั้งแต่ A Lang & Sohne, Audemars Piguet, Richard Mille, Patek Philippe และ Rolex มูลค่าหลายสิบล้านบาท
ทั้งหมดยืมมาจากเพื่อนคนเดียว
และเพื่อนคนนั้นตายไปแล้ว
แต่หลังจากที่เพื่อนตายไปแล้ว ก็ยังปรากฏภาพที่ “พี่ใหญ่” สวมใส่นาฬิกาทั้ง 22 เรือนออกงานต่างๆ
ถ้าเป็น “เรื่องเล่า” และนำไปเล่าสู่กันฟังแก่ผู้คนทั่วโลก
พฤติการณ์การยืมนาฬิกานี้น่าศึกษา
คนธรรมดาๆ ทั่วไปก็มีเพื่อนรัก มีเพื่อนตาย
แต่จะมี “เพื่อน” สักกี่คนที่ยินดีให้ยืมนาฬิกาเรือนละหลายแสน หลายล้านบาท ไปสวมใส่อย่างเพลิดเพลินกว่า 20 เรือนโดยที่ภายหลังลูกๆ ก็ไม่ได้ทวงคืน
เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบในเชิงเหตุผลอ้างอิงมากมายแต่ประการใด
เพียงแต่มุ่งค้นหา “ความรู้สึก” แท้ๆ ของคนธรรมดา
ถามว่า กรณีที่เกิดในประเทศไทยนี้ ค้านกับความรู้สึกของคนทั้งโลกหรือไม่
วันนี้…ล่วงสู่ปีใหม่แล้ว น่าจะล่วงผ่านวันคืนอันมืดมิดสู่แสงอันอำไพ
ผลลัพธ์จากการปิดบ้านปิดเมืองปิดสถานราชการกระทั่งก่อรัฐประหาร ก่อกำเนิดสิ่งใดแก่สังคมไทย
กติกาใหม่ ระเบียบใหม่ แต่งตั้งข้าราชการใหม่ สรรหาผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระใหม่ กำเนิดพรรคการเมืองใหม่
เปิดทางให้ “บุคคลหนึ่ง” กับก่อเกื้อเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มบุคคลหนึ่ง เพื่อกระชับอำนาจกันใหม่
กระจ่างแล้วกับผลพวง “ปฏิรูปการเมือง”
ที่ยังไม่กระจ่างคือ การสอบสวนกรณีนาฬิกาหรูของ “ป.ป.ช.”
เมื่อยังไม่สิ้นกระแสความ ก็ยังไม่สิ้นสงสัย !?!
