ยิ่งมีแนวโน้มว่าการเลือกตั้งจะต้องมีขึ้นในไม่ช้าไม่นาน บรรดาบิ๊กเนมทางการเมืองก็ต้องมีเรื่องให้ “เป็นข่าว” กันทุกวัน
แต่นั่นก็เป็นเพียงการใช้ “ปาก” เข้าถากถางหรือบลั๊ฟกัน อันเป็นธรรมดาของฤดูกาลสร้างราคาหาคะแนนนิยมของผู้ที่ลงสู่สนามเลือกตั้ง ซึ่งทุกคนทุกฝ่ายต้องการความมีเสรี ปลอดภัย ไม่ถูกคุกคาม สุจริต และเป็นธรรม ภายใต้กติกาและกรรมการที่เป็นกลาง เป็นธรรม
ไม่ใช่การเลือกตั้งที่มีผู้เล่นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งกับกรรมการรวมหัวกันใช้วิธีฉ้อฉลเพื่อปล้นชัยชนะ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า สนามเลือกตั้ง คือสมรภูมิ และการหาเสียงก็อาจจะมีการยกตนข่มท่าน แต่ประชาชนไม่ได้กินแกลบ อ่านออก ขบคิด ใคร่ครวญ และเข้าใจได้ว่าใครเป็นใคร มีที่มาอย่างไรและกำลังคิดการใด จะทำอะไรต่อไป
ไม่ว่าเก่า ใหม่ หรือแตกตัวเปลี่ยนรูปคล้ายอะมีบา ทุกคนทุกค่ายทุกพรรค “มีที่มา”
ประชาธิปไตย ทุกคนทุกฝ่ายทุกพรรคมีความคิดแตกต่างกันได้ โฆษณาชวนเชื่อ เรียกเสียงฮา หรือหาคะแนนนิยมได้ตามสะดวกด้วยความมีเสรี และเป็นธรรม
อย่างที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง บอกให้แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หยุดอ้างว่า “ถ้าเลือกพลังประชารัฐแล้วจะได้ประยุทธ์เป็นนายกฯ” นั้นถือได้ว่า ร.ต.อ.เฉลิมกำลังชี้ช่องให้ “กกต.” ทำหน้าที่ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธมาตลอดว่า ไม่เกี่ยว ยังไม่รับปากให้ใครเอาชื่อไปใส่ในบัญชีชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรค “พปชร.” เป็นพรรคการเมืองใหม่ แกนนำเป็น “รัฐมนตรี” ที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจทุกด้านของประเทศในเวลานี้
ทุกคนยังคงไม่ลาออก ยังคงนั่งเป็น “รัฐมนตรี” ถึงแม้จะมีบทบาททับซ้อนกับการหาคะแนนนิยมขณะที่เป็น “ฝ่ายรัฐบาล”
เข้าใจได้ว่า ไม่ง่ายเลยที่กระโดดออกไปสู่สนามที่ไม่คุ้นเคย
และจะยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกวาดคะแนนจากสนามเลือกตั้ง ถ้าไม่มีชื่อผู้นำที่โดดเด่น
คนที่ไม่ได้กินแกลบพอจะคาดเดาได้ว่า ที่ “พปชร.” จะเสนอในบัญชีชื่อนายกรัฐมนตรีนั้นคงหนีไม่พ้น “ประยุทธ์ จันทร์โอชา”
แต่จะมีคำถามตามมามากมายเกี่ยวกับ “การเลือกตั้งที่เสรี สุจริต และยุติธรรม” !?!!
