เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม นายโกวิท สัจจวิเศษ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงความคืบหน้าการโอนย้ายผู้ประกันตนที่มีบัตรรับรองสิทธิรักษาพยาบาลโรงพยาบาล (รพ.) เดชา ไปยัง รพ.ราชวิถี รพ.เลิดสิน และ รพ.ตำรวจ ว่า ขณะนี้ สปส.ได้โอนผู้ประกันตน รพ.เดชา จำนวน 40,027 คน ไปยังโรงพยาบาลทั้ง 3 แห่งเรียบร้อยแล้ว แบ่งเป็น รพ.ราชวิถี 14,952 คน รพ.เลิดสิน 14,950 คน รพ.ตำรวจ 10,059 คน รวม 39,961 คน ส่วนอีก 66 คน ได้ขอเปลี่ยนโรงพยาบาลไปตั้งแต่ช่วงต้นปีตามเงื่อนไขของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกันสังคม พ.ศ.2558 อาทิ เปลี่ยนสถานที่ทำงานใหม่ ลาออกจากการเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 38 เป็นต้น ทั้งนี้ผู้ประกันตนสามารถใช้สิทธิรักษาพยาบาลที่สถานพยาบาลแห่งใหม่ได้ทันที และสามารถตรวจสอบว่าชื่อถูกโอนย้ายไปโรงพยาบาลใดที่ www.sso.go.th หรือ สายด่วน 1506 หากผู้ประกันตนไม่สะดวกใช้บริการโรงพยาบาลที่จัดให้ก็สามารถแจ้งต่อ สปส.เขตพื้นที่ เพื่อขอย้ายไปโรงพยาบาลอื่นได้ภายใน 90 วัน
นายโกวิท กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ของ สปส.จะเข้าไปประสานงานให้ผู้ประกันตน รพ.เดชา ที่ไปเข้ารับการรักษาชั่วคราวที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ในวันนี้เป็นวันสุดท้าย และหลังจากนี้จะเข้าไปตรวจสอบข้อมูลเป็นระยะ ส่วนที่ รพ.เดชา นั้น สปส.ได้จัดเจ้าหน้าที่ไปประจำอยู่จนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อช่วยประสานงานและให้ข้อมูลผู้ประกันตน หลังจากนี้ หากมีการร้องเรียนว่าโรงพยาบาลเอกชนรายใดมีปัญหาสถานภาพทางการเงินจนอาจส่งผลกระทบต่อการให้บริการผู้ประกันตน สปส.จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ นอกจากนี้ ในส่วนกรณีการปรับเกณฑ์ตรวจสอบโรงพยาบาลเอกชนที่เป็นคู่สัญญากับ สปส.จากการหารือกับฝ่ายกฎหมายของ สปส.พบว่า การเพิ่มเกณฑ์ตรวจสอบสถานะทางการเงินของโรงพยาบาลเอกชนนั้นไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นเรื่องของผลประกอบการทางธุรกิจแต่ละแห่ง และหากเข้าไปตรวจสอบอาจเป็นการละเมิดได้
“ในปี 2560 สปส.จะเปิดรับสมัครโรงพยาบาลคู่สัญญาตามหลักเกณฑ์เดิมจะเน้นการตรวจสอบมาตรฐานบริการทางการแพทย์ แต่จะปรับปรุงสัญญาโดยเพิ่มเงื่อนไข ระบุกรณีที่เกิดปัญหาทางการเงิน เช่น ค้างจ่ายเงินสมทบ ค้างจ่ายเงินให้โรงพยาบาลที่ส่งผู้ป่วยไปรักษาต่อ ให้ สปส.มีสิทธิเข้าไปตรวจสอบการดำเนินงานได้ และ สปส.สามารถลดโควต้าผู้ประกันตนหรือยกเลิกสัญญาได้ ซึ่งจะพิจารณาความเหมาะสมเป็นรายกรณีไป” เลขาธิการ สปส.กล่าว
