‘บิ๊กฉัตร’ มอบรางวัลสตรีดีเด่นปี 62 ชวนผู้ชายให้เกียรติผู้หญิง

เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ที่ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม อาคารอิมแพค ฟอรั่ม เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในการเป็นประธานพิธีเปิดงานวันสตรีสากล ประจำปี 2562 และปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “การเสริมพลังสตรีและเด็กหญิง สู่การพัฒนาที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” โดยมี พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ผู้บริหารพม. และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงาน ว่า​ ​สตรี หรือ ผู้หญิง มีพลังที่ซ่อนเร้น ความงามและความมีชีวิตชีวาช่วยเติมเต็มโลกใบนี้ สร้างความอบอุ่นให้แก่โลกด้วยความอ่อนโยนและไมตรีจิต สร้างบรรยากาศที่สบาย จริงใจและสงบสุข สตรีให้กำเนิดชีวิต ดูแลลูกหลาน ดูแลครอบครัว อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เป็นผู้สร้างความสมบูรณ์ หากปราศจากสตรี โลกและมนุษยชาติไม่อาจยั่งยืนมาได้ทุกวันนี้ ฉะนั้นขอเชิญชวนให้พวกเราโดยเฉพาะผู้ชายได้ตระหนักและระลึกถึงบทบาทของสตรี ด้วยการให้เกียรติ เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ให้กำลังใจ ให้คำยกย่องชมเชย

พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวอีกว่า ​นโยบายของรัฐบาล ​รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในเรื่องสตรีและเด็กหญิง จึงได้กำหนดวิสัยทัศน์ “ส่งเสริมและสร้างสังคมเสมอภาค ปราศจากการเลือกปฏิบัติ สตรีมีคุณภาพชีวิตที่ดี มั่นคงปลอดภัย ร่วมสร้างชาตินำสมัย” และได้กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579) เพื่อพัฒนาศักยภาพของสตรี และเด็กหญิง ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีในสังคม ได้รับการปฏิบัติอย่างเสมอภาค เพื่อให้สตรีมีบทบาทร่วมในการพัฒนาประเทศ และสามารถยกระดับบทบาทสู่เวทีระดับสากลการพัฒนาเด็กหญิง ซึ่งหมายรวมถึงเด็กและเยาวชนทุกคน เน้นการขับเคลื่อนในระดับจังหวัด อำเภอ และตำบล ให้เด็กหญิงได้มีโอกาสทางการศึกษาอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกับเด็กชาย เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กหญิง ให้รู้เท่าทันปัญหาสังคม ขจัดความรุนแรงกับเด็กหญิง รวมถึงเสริมสร้างความเข้มแข็งของกลไกต่าง ๆ ให้เอื้อต่อการพัฒนาเด็กและเยาวชน อย่างมีประสิทธิภาพ ในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกล

จากนั้น พล.อ.ฉัตรชัยมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้กับสตรี บุคคล และองค์กรที่มีผลงานดีเด่นที่ดำเนินงานด้านการพัฒนาศักยภาพสตรีและการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ เนื่องในงานสตรีดีเด่น ประจำปี 2562 ซึ่งมีจำนวน 15 สาขา รวม 45 รางวัล

Advertisement

อย่าง นางสาวคอลีเยาะ หะหลี อายุ 42 ปี แกนนำสตรีอาสาคลายทุกข์จังหวัดชายแดนใต้ จากจังหวัดปัตตานี รับรางวัลสตรีดีเด่นด้านการส่งเสริมสันติภาพประเภทประชาชน กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า บิดาของตนเสียชีวิตในเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนใต้เมื่อปี 2547 ทำให้ตนจากผู้หญิงที่อยู่แต่บ้านและพูดไม่ชัด ต้องออกมาสู่โลกภายนอกเพื่อเรียกร้องหาความจริงและความยุติธรรมให้บิดา ที่ผ่านมาได้ไปในฟังทุกเวทีเสวนาที่เกี่ยวกับความไม่สงบจังหวัดชายแดนใต้ ช่วงหลังมีโอกาสได้พูดบ้าง ทำอย่างนี้มา 10 ปี จนวันหนึ่งเกิดความรู้สึกว่าอิ่มในความเป็นผู้รับ จึงตัดสินใจมาเป็นผู้ให้ด้วยการเป็นอาสาคลายทุกข์ให้บุคคลที่ได้รับผลกระทบความไม่สงบชายแดนใต้ ให้สามารถเข้าถึงความยุติธรรม สิทธิและบริการของรัฐต่างๆ โดยเฉพาะในบทบาทนักประสานงานระหว่างรัฐและเอกชนในการบูรณาการสร้างบ้านให้ประชาชนด้อยโอกาส บทบาทตัวเชื่อมระหว่างภาครัฐกับประชาชนให้ได้พูดคุยชี้แจงถึงข้อสงสัยที่มีต่อกัน ไม่ว่าจะเหตุการณ์คุมตัว ล้อมบ้านผู้ต้องสงสัยที่นำไปสู่การพูดคุยจนสามารถคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งไปได้มาก

“ทำตรงนี้ไม่ได้คาดหวังจะได้รับรางวัลอะไร ช่วงแรกไม่มีค่าตอบแทนอะไรด้วยซ้ำ เพราะหวังเพียงอยากทำให้ชาวบ้านอยู่ดีมีสุข ยิ้มได้ แต่พอทำมาเรื่อยๆสรุปว่าชาวบ้านเวลามีปัญหาเขานึกถึงเราตลอด ขอให้เราช่วยประสานงานให้ เพราะเขาไว้วางใจเรา ก็รู้สึกภาคภูมิกับบทบาทหน้าที่ตรงนี้ และตั้งใจจะทำต่อไปในการช่วยแบ่งเบาการทำงานของรัฐ และสร้างความสันติสุขให้เกิดในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้” นางสาวคอลีเยาะกล่าว

นางสาวคอลีเยาะ หะหลี อายุ 42 ปี แกนนำสตรีอาสาคลายทุกข์จังหวัดชายแดนใต้ จากจังหวัดปัตตานี รับรางวัลสตรีดีเด่นด้านการส่งเสริมสันติภาพประเภทประชาชน
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image