พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เกี่ยวกับกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีส่งท้ายปีเก่าวิถีไทยต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ 2559 จัดโดยกรมการศาสนา (ศน.) และหน่วยงานอื่นๆ ทั่วประเทศ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน 23 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ คณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร กระทรวงมหาดไทย จังหวัดทุกจังหวัด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงคมนาคม สำนักข่าวกรองแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม กรมประชาสัมพันธ์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสถิติแห่งชาติ เป็นต้น
พลเอกธนะศักดิ์กล่าวว่า จากการรวบรวมข้อมูลจากที่รายงานมายังศูนย์ประสานงานกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี 2559 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา พบว่าพุทธศาสนิกชน นิยมเข้าร่วมกิจกรรมสวดมนต์เป็นจำนวนมาก และจากการสำรวจข้อมูลวัดและสถานที่จัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีที่รายงานมายังศูนย์ มี 22,967 แห่ง โดยมีพุทธศาสนิกชนที่เข้าร่วมทั้งสิ้น 18,277,524 คน เมื่อเทียบกับสถิติผู้เข้าร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ปี 2557 มีจำนวน 17 ล้านคน จึงเป็นที่น่ายินดีที่ปีนี้มีชาวพุทธเข้าร่วมกิจกรรมสวดมนต์เพิ่มมากขึ้นอีกกว่า 1.2 ล้านคน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตในโอกาสขึ้นปีใหม่แบบวิถีชาวพุทธ
“เป็นที่น่ายินดีว่ากิจกรรมดังกล่าวได้รับการตอบรับจากทุกหน่วยงานทุกกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนเห็นได้จากสถานที่จัดสวดมนต์ข้ามปี อาทิ วัด สถานปฏิบัติธรรม สำนักสงฆ์ สถานที่อันเป็นมงคล หน่วยงานต่างๆ ทั้งในกรุงเทพมหานครและส่วนภูมิภาค 76 จังหวัด รวมไปถึงอุทยานแห่งชาติที่มีนักท่องเที่ยวสนใจร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี อาทิ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา อุทยานแห่งชาติผาแต้ม จ.อุบลราชธานี อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ.เพชรบูรณ์ และอุทยานแห่งชาติเอราวัณ จ.กาญจนบุรี” พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าว
พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ที่สำคัญมีกิจกรรม “สวดมนต์อาเซียน” 14 จังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ตาก เลย หนองคาย บึงกาฬ มุกดาหาร นครพนม อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สระแก้ว สุรินทร์ ระนอง และสงขลา นอกจากนี้ยังมีพี่น้องชาวไทยที่นับถือศาสนาคริสต์ และซิกข์ จัดกิจกรรมอธิษฐานขอพรและสวดมนต์ตามศาสนาของตนเอง ทั้งนี้ขอชื่นชมหน่วยงานที่จัดสวดมนต์ข้ามปีให้กับผู้ด้อยโอกาสทางสังคม อาทิ กลุ่มเด็กพิเศษและผู้ด้อยโอกาสจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เยาวชนจากสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ผู้ต้องขังของกรมราชทัณฑ์ด้วย