ภายหลัง นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ลงนามคำสั่ง เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายเงินค่าตอบแทน แนบท้ายข้อบังคับกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานให้กับหน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2544 (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2559 โดยเป็นค่าตอบแทนพิเศษสำหรับพื้นที่เสี่ยงภัยใน 4 จังหวัด คือ จ.ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลา ให้แก่ 4 วิชาชีพ คือ แพทย์และทันตแพทย์ อัตรา 10,000 บาทต่อเดือน เภสัชกร อัตรา 5,000 บาทต่อเดือน และพยาบาลวิชาชีพอัตรา 1,000 บาทต่อเดือนนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในสังคมออนไลน์มีการวิพากษ์วิจารณ์ต่อคำสั่งดังกล่าว ว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ไม่ให้ความสำคัญกับวิชาชีพอื่น แต่กลับให้ความสำคัญเพียง 4 วิชาชีพ โดยเฉพาะแพทย์และทันตแพทย์ เห็นได้จากในเพจเฟซบุ๊กชื่อ “ชมรมนักวิชาการสาธารณสุข (ประเทศไทย)” ได้แชร์โพสต์ของนายสมศักดิ์ จึงตระกูล แกนนำชมรมนักวิชาการสาธารณสุข (ประเทศไทย) หรือ ชวส. โดยได้แสดงความคิดเห็นต่อคำสั่งนี้ ว่า “สธ.แบ่งแยกชนชั้น สร้างระบบศักดินาในวงการแพทย์และสาธารณสุข” พร้อมทั้งโพสต์คำสั่งดังกล่าวด้วย โดยมีผู้มาแสดงความคิดเห็นมากมาย ส่วนใหญ่ตัดพ้อกระทรวงสาธารณสุขที่ไม่ให้ความสำคัญกับวิชาชีพอื่นๆ บางความเห็นถึงกับยกว่า หมอเป็นเทวดาหรืออย่างไร
ขณะเดียวกัน นายริซกี สาร๊ะ เลขาธิการชมรมนักวิชาการสาธารณสุข (ประเทศไทย) ได้โพสต์ภาพเกี่ยวกับการทำงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข นักวิชาการสาธารณสุข หรือที่เรียกกันว่า หมออนามัย ทำงานกันอย่างหนักไม่แตกต่างจาก 4 วิชาชีพข้างต้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งเดิมที่ออกมาทุกปีให้บุคลากรในพื้นที่เสี่ยงภัย 4 จังหวัดภาคใต้ คือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลา ซึ่งเดิมจะออกเป็นหนังสือเวียน แต่มีความล่าช้ากว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ จึงเปลี่ยนรูปแบบเป็นคำสั่ง เพื่อให้มีการเบิกจ่ายทันปีงบประมาณให้เสร็จภายในเดือนกันยายน 2559 นี้ ส่วนวิชาชีพอื่นๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการเรื่องค่าตอบแทนในแต่ละพื้นที่ โดยมี นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองปลัด สธ. จัดทำร่างค่าตอบแทนดังกล่าวอยู่ โดยหลักคือ 1.ต้องมีข้อมูลวิชาการรองรับ 2.ความพึงพอใจของแต่ละวิชาชีพ 3.การจัดทำค่าตอบแทนต้องสอดคล้องกับงบประมาณที่กำหนด
นพ.โสภณกล่าวอีกว่า งบประมาณค่าตอบแทนบุคลากรสาธารณสุขในปี 2559 แบ่งออกเป็นงบฯจากรัฐบาลจำนวน 3,000 ล้านบาท งบจากเงินบำรุงของโรงพยาบาลต่างๆ อีก 6,000 ล้านบาท รวมงบค่าตอบแทนอยู่ที่ 9,000 ล้านบาท แต่ปี 2560 สำนักงบประมาณมีทิศทางจำกัดงบดังกล่าว จากเดิม 3,000 ล้านบาท อาจให้เพียง 1,000 ล้านบาท เนื่องจากมองว่างบส่วนนี้เป็นระเบียบของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งไม่เหมาะสม แต่ควรจัดทำเป็นระเบียบกลางของกระทรวงการคลัง ด้วยเหตุนี้ ทางคณะกรรมการค่าตอบแทน ที่มี นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธาน และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ทั้งกรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ ฯลฯ อยู่ระหว่างจัดทำระเบียบค่าตอบแทนกลางขึ้น
“เมื่องบน้อยลง ก็ต้องมาพิจารณาว่าค่าตอบแทนของแต่ละวิชาชีพต้องปรับอย่างไรให้เหมาะสมด้วย ส่วนนี้ได้มอบให้ทาง นพ.สมศักดิ์ดำเนินการอยู่ จึงอยากขอความเข้าใจแก่วิชาชีพต่างๆ ว่า การเรียกร้องต่างๆ สามารถทำได้ แต่ก็ต้องคำนึงถึงงบประมาณจำกัดด้วย ส่วนเรื่องค่าตอบแทนพิเศษ 4 จังหวัดภาคใต้ก็เป็นเรื่องเดิมที่ทำทุกปี เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบคำสั่งเท่านั้น ส่วนวิชาชีพอื่นๆ ก็อยู่ระหว่างดำเนินการ ดังนั้น ขอให้เข้าใจภาพรวมด้วย” นพ.โสภณกล่าว
