ผู้เขียน | โอภาส เพ็งเจริญ |
---|
คุณจำนูญให้คุณแม่เอาโฉนดที่ดินของคุณจำนูญไปมอบแก่คุณภุชงค์ยึดไว้เป็นหลักประกันเงินกู้ที่คุณแม่กู้จากคุณภุชงค์
ในเวลาต่อมาคุณจำนูญไปแจ้งแก่พนักงานสอบสวนว่า โฉนดที่ดินนั้นสูญหาย แล้วนำใบรับแจ้งความไปหาเจ้าพนักงานที่ดินขอให้เจ้าพนักงานที่ดินออกใบแทนโฉนดแทนใบเดิมให้
ได้ใบแทนโฉนดมาคุณจำนูญลิงโลดดีใจเป็นยิ่งนัก
แต่ดีใจอยู่ได้ไม่นาน ความแตก จึงถูกตำรวจจับ สอบสวนแล้วส่งพนักงานอัยการดำเนินคดี
คุณจำนูญถูกฟ้องว่า กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 (แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย), 267 (แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ) และมาตรา 268 (ใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตามมาตรา 267)
คุณภุชงค์ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า คุณจำนูญกระทำความผิดตามมาตรา 137, 267 และ 268 วรรคแรก ให้จำคุก และปรับด้วย แต่โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้
คุณภุชงค์อุทธรณ์คดีว่า อย่ารอ-ขอให้ลงโทษให้หนัก
ศาลชั้นอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษจำคุกคุณจำนูญ และไม่ลงโทษปรับ
คุณจำนูญฎีกาคดี
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ข้อความที่คุณจำนูญแจ้งแก่พนักงานสอบสวนว่า โฉนดที่ดินหายจะเป็นความเท็จเพราะความจริงโฉนดอยู่ที่คุณภุชงค์ และนำรายงานประจำวันรับแจ้งนั้นที่เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จไปใช้อ้างขอให้ออกใบแทนโฉนดก็ตาม แต่ก็เป็นเรื่องที่กระทำต่อพนักงานสอบสวนและเจ้าพนักงานที่ดิน มิได้กล่าวถึงคุณภุชงค์เลย หรือมิได้นำไปอ้างต่อคุณภุชงค์เลย
คุณภุชงค์จึงมิใช่ผู้เสียหายในความผิดนี้ จึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ในคดี ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เข้าร่วมจึงเป็นการไม่ชอบ เมื่อไม่ใช่คู่ความในคดี จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คดี ที่ศาลชั้นอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์ของคุณภุชงค์จึงเป็นการไม่ชอบเช่นกัน
พิพากษาให้ยกคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมของคุณภุชงค์ ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้คุณภุชงค์เข้าร่วมเป็นโจทก์ และยกคำพิพากษาศาลชั้นอุทธรณ์
ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
(เทียบคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2559)
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 137 ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 267 ผู้ใดแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 268 วรรคแรก ผู้ใดใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตามมาตรา 264 มาตรา 265 มาตรา 266 หรือมาตรา 267 ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นๆ