วันที่ 31 พฤษภาคม นายรอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศน้ำและการเกษตร (สสนก.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) กล่าวว่า ช่วงเวลานี้เป็นฤดูฝน แม้หลายพื้นที่จะมีฝนตกลงมาเป็นระยะ สสนก.ก็เฝ้าติดตามอย่างต่อเนื่อง เวลานี้มีสิ่งที่น่ากังวลคือ ฝนยังไม่ตกเหนือเขื่อนเลย หรือตกน้อยมาก กับเรื่องฝนทิ้งช่วงหลังจากนี้ เป็นเพราะลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีความแรง แต่กระแสลมตะวันออกเฉียงใต้ จากอ่าวไทยอ่อนกำลังมาก ไม่สามารถทำให้เกิดการพัดสอบและดันขึ้นไปถึงบริเวณเหนือเขื่อนได้ ฝนจึงยังตกใต้เขื่อนเกือบทั้งหมด พบว่าใน 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยาคือ เขื่อนภูมิพล นั้นยังคงไม่มีน้ำไหลลงเขื่อนเลย มีปริมาณน้ำที่ใช้การได้เพียง 2% เท่านั้น ส่วนเขื่อนสิริกิติ์นั้นมีน้ำไหลค่อนข้างดี ประมาณวันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้เวลานี้ยังคงมีน้ำที่สามารถใช้ได้ 8% เขื่อนป่าสักฯมี 22% เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน 21% ทุกเขื่อนยกเว้นเขื่อนสิริกิติ์ แทบจะไม่มีน้ำเพิ่มขึ้นมาเลย โดยปริมาณน้ำที่ไหลลงเขื่อนน้อยกว่าปริมาณน้ำที่ระบายทั้งสิ้น โดยรวมทั้ง 4 เขื่อนมีน้ำเหลืออยู่ 1,383 ล้านลูกบาศก์เมตร
“สำหรับพื้นที่อื่นๆ ที่น่าเป็นห่วงอีกแห่งคือ เขื่อนอุบลรัตน์ ที่ขณะนี้ใช้น้ำใต้ระดับเก็บกักต่ำสุดไปแล้ว 66 ล้านลูกบาศก์เมตร แม้ว่า 2 วันที่ผ่านมาจะมีน้ำไหลลงเขื่อนนี้แล้วรวม 5 ล้านลูกบาศก์เมตรก็ตาม ถือว่าค่อนข้างจะน่าเป็นห่วง ซึ่งสภาพการณ์ของเขื่อนอุบลรัตน์นั้นถูกกำหนดเอาไว้ว่า จะต้องมีน้ำต่ำสุดอยู่ที่ 582 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่เวลานี้ มีการใช้น้ำไปแล้ว จนเหลืออยู่แค่ 515 ล้านลูกบาศก์เมตร เท่ากับปริมาณน้ำติดลบอยู่ 66 ล้านลูกบาศก์เมตร” นายรอยลกล่าว
เมื่อถามว่า ติดลบเยอะขนาดนี้จะทำให้เขื่อนพังหรือไม่ นายรอยลกล่าวว่า ไม่ถึงกับพัง แต่ต้องมีความระมัดระวังในการใช้ให้ดี ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปริมาณน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์มีปริมาณน้อยเท่านี้ เพราะเคยน้อยที่สุดมาแล้วเมื่อปี 2536 หรือเมื่อ 23 ปีก่อน โดยในตอนนั้นติดลบไปถึง 200 ล้านลูกบาศก์เมตร
